สงครามการค้า

มาแล้ว อิป้าหามาเล่า วันนี้จะเม้าท์เรื่องใหญ่เรื่องโตระดับโลก …กว่า 3เดือนแล้ว(เริ่มเมื่อเดือนมี.ค.2561) สงครามการค้า มะกัน-มังกร “ฆ่า” เศรษฐกิจโลกซะย่อยยับ ยิ่งเฉพาะ กลุ่มประเทศเกิดใหม่ รวมทั้งพี่ไทยด้วยแหละค่ะที่อ่วมอรทัย ดูง่ายๆจากตลาดหุ้นบ้านเรา (ปลายสัปดาห์ที่แล้วหล่น1600) แดงทั้งแผ่นดิน ดอยรักคอยเราอยู่เลยละค่ะ

ประเด็นหลักคือ ทุกคนอยากรู้ว่า สงครามอวดอำนาจ ครั้งนี้ จะจบลงเมื่อไร และจบลงอย่างไร ?

ก่อนอื่น อิป้าย้อนข่าวเล่าสั้นๆก่อนนะค่ะว่า อีตาทรัมป์จอมแสบสุดกร่างนั้น ทำเพื่อรักษาฐานเสียงให้เหนียวแน่นที่สุด ใช้ อาวุธหนักอย่าง “การตั้งกำแพงภาษี บีบให้ประเทศคู่ค้าที่เล็กกว่าทุกด้าน ลดราคาขายลง และคิดว่าจะใช้กับพี่มังกรได้ แต่ทว่า หนุ่มซินตึงงัดกลยุทธ์การชนแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน บดบี้แบบไม่มีใครยอมใคร

ฟัดกับพี่จีนไม่พอ อีตาทรัมป์ หันไปเปิดศึกการค้ากับยุโรป ละตินอเมริกา อีก ผลที่ตามมาเหรอค่ะ เหมือนเป่านกหวีด ตลาดหุ้นโลกในภาพรวม (ฝั่งยุโรปปรับตัวลงหมด ฝั่งเอเชีย-จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง เกาหลีใต้มาเลเซีย ไทย )เรียงหน้ากระดานปรับตัวลงถ้วนหน้าเลยค่ะ

ดังสุภาษิตโบราณ” เมื่อช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ” …พี่ไทยอ่วม ตามสงครามครั้งนี้ไปด้วย บางสำนักวิเคราะห์ว่า งานนี้วงเงินกีดกันการค้าจากสหรัฐอาจขึ้นไปแตะ 250,000 ล้านเหรียญ ทำให้ผลกระทบรุนแรงขึ้น รวมไปถึงกระทบ ปู่เซตของเราให้ดำดิ่ง “อาจะ”ลงไปสู่ระดับต่ำว่า 1,500 จุด ปิดประตูความฝัน 1800จุดไปในบัดดล เลยค่ะ

สงครามจะเริ่มชลอลงหรือจบลงเมื่อไรนั้น บ้างก็บอกว่าอีกนาน เพราะสงครามนี้หนังชีวิต ดูกันยาวๆ บ้างก็บอกว่า จะเล่นกันยาวไปจนกว่าจะมีเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐเดือนพ.ย. ปีนี้ (ไตรมาส 4) บ้างก็บอกว่าหากผู้หนุน อีตาทรัมป์ ยกจักกะเร้ เชียร์นโยบายแบบนี้ต่อไป อาจลากยาวไปอีกเป็นปีถึงปี63 เลือกตั้งสหรัฐโน่น

อิป้าได้ดอดไปฟัง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ และการเมือง /ผู้เชียวชาญด้านเศรษฐกิจโลก รายหนึ่งวิเคราะห์ให้ฟัง น่าสนม๊ากค่ะ เลยเอามาเม้าให้ฟังค่ะ

แกบอกว่า การจะจบเรื่องนี้มี 5ทาง คือ ทางออกที่ 1. จีนยอมอ่อนข้อลง ในขณะที่ยังมีการกีดกันทางการค้าเพิ่มขึ้น แต่ไม่ถึงขั้นระเบิดเปรี้ยงปร้างตายหมู่ทั่วโลกนะค่ะ แต่จะเป็นการยอมแบบเนียลๆ ไม่ประกาศโต้งๆ เช่นอาจจะออกมาประกาศว่าจีนเองก็ต้องการรับซื้อสินค้าบางประเภทอยู่แล้ว

ทางที่ 2 อีตามทรัมป์ยอมถอย เพราะบีบพี่จีน บีบไปบีบมา อเมริกาอ่วมไปด้วย การค้าการลงทุน ตลาดหุ้น หดหาย ก็อาจยอมผ่อนคลายกฎเหล็กลง

ทางที่3 มีแรงกดดันจากสภาของมะกัน เมื่อมองแล้วไม่ไหว ต่อยเขา แต่เราก็ทรุดเหมือนกัน หยวนๆ เจ๊าๆกันไปดีกว่า

ทางที่4 แรงกดดันจากประชาชนของทั้ง 2ประเทศ พ่อค้า นักธุรกิจ เริ่มออกมาส่งเสียงด่า อีตาทรัมป์ ว่า ไปบีบพี่จีน สินค้าในประเทศสูงขึ้น ชาวไร่ชาวนาเดือดร้อน พวกผลิตรถยนต์อ่วม นำเขาเหล็กสูงขึ้น รถก็ต้องขายแพง

ทางที่ 5 การฟ้องร้องต่อองค์การการค้าโลก ( WTO ) โดย จีน กับ อียู นำเรื่องเข้าสู่กระบวนการ เพื่อเป็นการฟ้องชาวโลก

อย่างไร อาจารย์ ท่านนี้ แก บอกว่าโอกาศน่าจะเป็นข้อที่ 1และข้อที่ 2 มากกว่า ซึ่งเมื่อไปถึงจุดหนึ่งแล้ว อีตาทรัมป์ มองว่า ไฟต์ไปก็เจ็บทั้งคู่ คุยกันดีกว่า ดังนั้นเกมจะออกมาในลักษณะที่ อีตาทรัมป์ จะออกอาวุธไปเรื่อย ขู่โน้น ขู่นี้ เพื่อบีบให้จีน เข้าสู่โต๊ะเจรจา นั้นเองค่ะ สุดท้ายก็เจรจาต้าอ้วยกันค่ะ

ส่วนโอกาศจะเกิดสงครามเต็มรูปแบบเหมือน วิกฤตเศรษฐกิจ-หายนะของตลาดหุ้นสหรัฐ ปี ค.ศ. 1929 นั้น มีความเป็นไปได้ต่ำ แต่ยังมีโอกาศเพราะ อีตาทรัมป์แกแผลงๆค่ะ

สำหรับคำถามว่าจะจบเมื่อไรนั้น อาจารย์แก บอกว่าตอบยาก อาจจะยืดเยื้อระดับเป็นปี หรือในขณะนี้ก็อาจมีการดอดไปเจรราจากันนอกรอบอยู่ก็ได้ ซึ่งก็อาจจะใช้เวลาแค่2-3 เดือนนับจากวันนี้ หรืออาจไปดูช่วงเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐพ.ย.นี้ วัดว่ากระแสสังคมว่า ถ้าเศรษฐกิจทรุด ประชาชนให้ถอย อีตาทรัมป์ ก็คงต้องเลิก

ส่วน ปู่ SET เรา คงจะอ่วมต่อไปอีกสักระยะ ตามแรงเสียดทานโลก ประคองตัวกันให้ดีนะค่ะ รอ รับข่าวดีวันเลือกตั้งชัดๆ(ก.ย.)น่าจะดีขึ้นค่ะ..ไปละ บ๊ายย
——————————-

 ติดตามที่ :

#หุ้น #กองทุนรวม #fund #set #Mutualfund #epahamalao #อิป้าหามาเล่า #ตลาดหุ้น #ตลาดหุ้นไทย #mai #ลงทุน #ออมเงิน

Facebook Comments