ตาว อิทธิพล พรพิบูลย์

มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า คอลัมน์จับเข่าคุย วันนี้ได้มีโอกาสเข้าไปนั่งคุยกับ ตาว อิทธิพล พรพิบูลย์ Full time trader เจ้าของแฟนเพจ TFEX HMUZ และผู้เขียนหนังสือ สร้างพอร์ต 10,000% ด้วย Futures ล่าสุดกับตำแหน่ง CEO ซุปเปอร์เทรเดอร์ เทค จำกัด ซึ่งจะพาไปย้อนรอยประสบการณ์กับการเทรดหุ้นต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะมีวันนี้มาได้ 

ตาว ได้เล่าให้ฟังว่า ย้อนกลับไปก่อนว่าช่วง 15 ปีก่อน จุดเริ่มต้นช่วงนั้นผมทำธุรกิจ ก็จะมีกระแสเงินสดค่อนข้างเยอะ  ทีนี้เราก็หาช่องทางการลงทุนไปด้วย ในตอนแรกจะฝากแบงก์ พอมาได้รู้จักตลาดหุ้น ก็เลยค้นหาหุ้นที่สามารถให้ได้รับเงินปันผลดี ๆ เราก็ไปหาหนังสือของดร.นิเวน์ มาอ่าน ก็เริ่มศึกษาตั้งแต่นั้นมา 

ต้องบอกก่อนว่าในสมัยอดีต การศึกษาเรื่องของตลาดหุ้นมีให้ศึกษาน้อยมาก จะมีก็ของดร.นิเวศน์เท่านั้น การลงทุนในช่วงน้ันก็เป็นการลงทุนเพื่อรับปันผล เป็นการลงทุนระยะยาวส่วนใหญ่ ในช่วงนั้น จะไม่ค่อยมีการใช้เทคนิคอลเลย จะเป็นการซื้อเพื่อถือ ความผิดพลาดมักจะไม่ค่อยมีเลย 

หลังจากนั้น ผมก็เริ่มไปศึกษาด้านเทคนิคอล ในการซื้อขาย ซึ่งผมก็คิดว่า ตัวเองประสบความสำเร็จในช่วงอดีต ผมเริ่มจากการที่ซื้อและทำนายตลาดล่วงหน้าได้ แต่ทีนี้ในช่วงจังหวะหนึ่ง เราเริ่มมีอีโก้ว่า เราสามารถทำนายได้แม่นยำ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความผิดพลาดครั้งแรกในชีวิตของการลงทุน พอร์ตเริ่มไม่โต ไม่ไปไหน จากก่อนหน้าที่พอร์ตเติบโตประมาณ 50 – 100% มีเริ่มเสีย เริ่มได้สลับกันไปมา  และก็ค่อย ๆ ซึมหายไป จึงกลับมาทบทวนตัวเองที่เราคิดว่า ตัวเองเก่ง นั่นเอง  

หลังจากที่หมดตัวไปเลยจากการลงทุน และการกลับมาได้จากการที่เรารู้สึกตัวเองได้ว่า เราไม่ได้เก่งแล้ว ทำให้เราต้องกลับมายอมรับความจริงว่า เงินที่เราหมดไป หรือขาดทุนไป ผลลัพธ์ของการลงทุนไปมันใช่สิ่งที่เราคิดว่าเราเก่งแล้ว มันทำให้เรากลับมาได้จากการที่เรายอมรับความจริง เราลงทุนหรือความรู้ที่เรามีมันไม่สามารถทำกำไรจากตลาดได้ตลอดไปจริง ๆ 

และพอเราเริ่มยอมรับความจริง ถึงความพ่ายแพ้ ทำให้เรารู้ว่า มันเป็นแค่การลงทุนระยะสั้นเพื่อเก็งกำไร  ทีนี้การกลับมาได้อีกครั้ง โดยได้เริ่มคิดเปลี่ยนไป เริ่มมองการลงทุนที่เป็นผลลัพธ์ระยะยาวเป็นหลัก ฉะนั้นจึงไม่เร่งไม่รีบ เลยเริ่มหาวิธีการที่จะทำอย่างไรให้มันสอดคล้องกับตัวเอง โดยเริ่มมองการลงทุนในภาพใหญ่มากกว่า แทนที่จะมาคิดว่า วันนี้ หรือพรุ่งนี้จะมีกำไรหรือไม่ 

“นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะคิดเหมือนผมในอดีตที่ต้องการจะชนะตลาดบ่อย ๆ ชนะทุกวัน แต่เราเคยเจอมาแล้วกับตัวเอง แต่สุดก็ต้องกลับมาทบทวนว่า ทำไมมันถึงหมด ถึงขาดทุน ในตลาดการลงทุนไม่ใช่แค่มองภาพสั้น ๆ แค่วันนี้ พรุ่งนี้ จะชนะ หรือแม่แต่รายอาทิตย์ รายเดือน รายวัน ไม่ได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องของรอบว่า ถ้าเราเล่นรอบและรอระยะเวลาก็อาจจะได้คำใหญ่กลับมาได้ จนทำให้พอร์ตของเรากลับมาเติบโตแบบมีนัยสำคัญได้ ซึ่งคิดว่า เป็นแนวคิดที่จะทำให้สามารถประสบความสำเร็จได้” 

ในอดีตผมแบ่งเงินออกเป็น 2 เฟส ๆ แรกเป็นเงินที่ลงทุนแล้วล้มเหลวในจำนวนเงิน 5 ล้านบาท หมดเกลี้ยงไม่เหลือเลย และมีเติมเข้าไปอีกด้วย ซึ่งอาจจะมากกว่า 5 ล้านบาท เพราะมีการถอนออก เติมเข้าไป แบบไม่ได้ทำบัญชีรายรับ รายจ่ายของการเทรด แต่เงินต้นที่นำมาลงทุนคือ 5 ล้านบาท 

ตาว บอกต่อไปอีกว่า ในสมัยก่อนผมหรือใครๆ อาจจะมีภาพในหัวว่า อาชีพ Full time trader แค่เฝ้าหน้าจอเฉย ๆ ก็ได้เงิน แค่ไปนั่งร้านกาแฟเทรดนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ได้ตัง นี่คือจุดเริ่มต้นของแนวความคิดของคนที่อยากเป็น Full time trader นี่คิดเฟสแรกที่ผมคิด ซึ่งมันผิด แต่พอมาเฟสที่ 2 กับการคิดเป็น Full time trader ผมเริ่มปรับเปลี่ยนแนวคิดใหม่ โดยไปเริ่มทำอาชีพอื่นก่อน โดยมีรายได้ประจำเข้ามาจากการทำธุรกิจ แล้วนำเงินที่เหลือจากงานประจำของเรา เอามาลงทุน พอนำมาลงทุนปุ๊บมันทำให้ประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่า แล้วจึงค่อย ๆ เฟดตัวเองออกจากอาชีพที่ทำอยู่ แล้วค่อยมาให้ความสำคัญกับ Full time trader มากกว่า เพราะว่า รายได้จากการเทรดมันเริ่มมากกว่าอาชีพที่เราทำ 

เพราะฉะนั้นการที่จะมาเป็น Full time trader จึงอยากจะแนะนำว่า จริง ๆ แล้วให้ลองสังเกตดูว่า ทำไมเราถึงประสบความสำเร็จได้ยาก ทำไมเขาดูเก่งกันจัง หรือคนอื่นทำไมประสบความสำเร็จได้ง่าย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันมาจากการที่เราไม่เข้าใจเงินลงทุนของเรา โดยส่วนใหญ่หลายคนมองว่า การเทรดเป็นเรื่องง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าเราไม่ได้มีเงินมากพอ และครอบครัวไม่ได้มีเงินซัพพอร์ตที่มากพอ  หรือไม่ได้มีอาชีพที่ซัพพอร์ตชีวิตตัวเองและครอบครัวที่มากพอ การจะมาเป็น Full time trader มันเต็มไปด้วยความกดดัน ในทุก ๆ ด้าน และมันจะทำให้วิธีการง่าย ๆ กลายเป็นเรื่องที่ยากเพราะด้านแรงกดดันของตัวเองที่จะต้อง หาเงินรายวัน หาเงินรายอาทิตย์ หาเงินรายเดือน แต่ถ้าเราเตรียมพร้อมเงินทองที่เราพอมีเลี้ยงครอบครัวได้ และนำเงินก้อนที่เหลืออย่างเหมาะสมมาลงทุน จะทำให้การลงนั้นง่ายขึ้น และเราจะเรียกตัวเองได้เต็มปากว่า เป็น Full time trader ที่แท้จริง

ตาว อิทธิพล พรพิบูลย์สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ต้องปรับวิธีการคิด ซึ่งต้องยอมรับว่า นักลงทุนในอดีตถือว่าค่อนข้างเสียเปรียบนักลงทุนในปัจจุบัน เพราะปัจจุบันมีการสอนไปจนถึงเรื่องวิธีการคิด วิธีการใช้งาน วิธีการเทรด วิธีการบริหารเงิน ปัจจุบันมันถูกสอนหมดในทุกเรื่อง ในทุกมิติ ซึ่งอยากแนะนำนักลงทุนมือใหม่ว่า ไม่ต้องรีบร้อน และเรียนรู้ให้เต็มที่ทั้งวิธีการคิด ต้องเข้าใจตลาดก่อนว่า เข้ามีวิธีการเล่นแบบไหน เข้าเป็นรอบอย่างไร  บางทีมันอาจจะช้า บางทีมันอาจจะเร็ว ซึ่งนั่นคือการเล่นเป็นรอบ ๆ ของตลาด 

ซึ่งถ้าเราไปเล่นวิธีการช้าในตลาดที่เร็ว ๆ ก็จะไม่ได้ผลลัพธ์ในแบบที่เราต้องการ ถ้าเราไปเร็วในช่วงที่ตลาดช้าก็อาจจะทำให้พอร์ตเสียหาย เพราะฉะนั้นเราต้องรู้จักของรอบตลาด ซึ่งวิธีการตลาดในมุมแรกที่เข้ามาคือ ต้องเข้าใจก่อนว่า คนส่วนน้อยเท่านั้นที่จะกำไรมหาศาลในตลาด คือ ในตลาดมี 100% จากสถิติจะมีเพียงแค่ 10% เท่านั้นหรือน้อยกว่านี้ที่จะประสบความสำเร็จ และเราต้องอย่าคิดว่า เป็นตัวเรา ต้องคิดก่อนว่า เราอาจจะเป็นคนใน 90% ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของตลาดก็ได้ที่อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นต่อให้วันนี้ เราเทรดแล้วกำไรก็อย่าเพิ่งไปคิดว่า จะทำให้เราสามารถอยู่รอดได้ในตลาดระยะยาว 

เราต้องประเมินตัวเอง และลองทดลองอยู่กับตลาดให้ได้ถึง 5 ปี เราจะอยู่ครบของตลาดจะเริ่มเห็นไซเคิลของตลาดว่า รอบลงของตลาดเป็นอย่างไร ถ้าเรารู้จักรอบของตลาดเมือไร จะทำวิธีการคิดของเราไปสอดคล้องกับทำกำไรได้ในทุก ๆ สภาวะได้ ซึ่งถือว่า เป็นสิ่งแรกที่นักลงทุนต้องเข้าใจในรอบของตลาดก่อน 

ตลอด 15 ปีที่ผ่านมากับการเป็น  Full time trader ปัจจุบันสไตส์การลงทุนของผมไม่รีบร้อน เพราะในวันนี้ที่ผมได้รู้จักตัวเองคือ ผมย้อนกลับไปดูตัวเองในวันที่เราคิดว่า เราประสบความสำเร็จ แล้วก็หมดตัวกับตลาดที่เราคิดว่า เราจะชนะในวิธีการนั้น ซึ่งชีวิตมาเจอทั้งขาขึ้นและขาลง และกลับมาเป็นขาขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งอยู่เราก็มีประสบการณ์ที่มากพอในทุก ๆ เรื่องๆ  ซึ่งทำให้เป็นจุดแข็งที่ทำให้เราไม่รีบ มันหมายความว่า ในรอบหลาย ๆ คนอาจจะต้องการทำกำไรให้ได้ในทุก ๆ เดือน แต่สำหรับผมวิธีการคิดแตกต่างออกไป คือ ใน 1 รอบใหญ่ของตลาดไว้ว่าจะขึ้นหรือจะลง ผมจะทำกำไรจากตลาดให้ได้ 1 รอบก็เพียงพอ และทำให้พอร์ตมีการเติบโตแบบมีนัยสำคัญ ถ้าตลาดขึ้นรอบใหญ่ 1 รอบ ผมจะต้องเป็นคนที่อยู่ในตลาดนั้น เป็นการกอบโกยผลกำไรให้ได้มากที่สุด  และหลังจากนั้นอาจจะไม่ได้มีรอบใหญ่ เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ในตลาดที่ไม่ใช่รอบใหญ่แล้วให้ได้ 

ตาว อิทธิพล พรพิบูลย์เช่น ถ้ารอบใหญ่ในตลาดมี 1 ครั้งในรอบ 3 ปี ผมจะไม่ใจเลยว่า ผมจะสามารถทำกำไรได้มหาศาล แต่ผมจะอยู่รอจนกว่าปีที่ 3 จะให้ผลตอบแทนสูง ๆ มากที่สุดเท่านั้น วิธีการของผมจะเข้าใจตลาดมากขึ้นมันจะไม่ได้เฟอร์ฟอร์มทุก ๆ ปี ซึ่งจะมีแค่บางปีเท่านั้น

อย่างตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ในช่วงปี สองปีที่ผ่านมาตลาดเฟอร์ฟอร์มมากกว่าตลาดหุ้น ถ้าเราสามารถนำตัวเองเข้าไปอยู่ในตลาดที่มันสามารถเอ๊าเฟอร์ฟอร์มจากสินทรัพย์ทุกสินทรัพย์ได้ คุณก็จะสามารถเติบโตกว่าคนส่วนใหญ่ในตลาดแล้ว ซึ่งนอกจากที่เราเรียนรู้ที่จะรอให้เป็นแล้ว ผมก็จะสามารถอโลเคชั่นเปลี่ยนตัวหรือไหลตามตลาดในสินค้าที่เหมาะสมกับตลาดในช่วงน้ัน ๆ

ปัจจุบันการลงทุนนอกจากจะลงทุนในหุ้นแล้วยังเข้าไปลงทุนในฟิวเจอร์ส ซึ่งเป็นตลาดที่สามารถทำกำไรหรือเก็งกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง และมีคริปโทเคอร์เรนซีด้วยเข้าไปลงทุน หากช่วงที่คริปโทให้ผลตอบแทนที่ไม่น่าสนใจ เราก็ต้องหาสินทรัพย์ใหม่เข้าไปลงทุนแทน

นอกจากนี้ยังเป็นโค้ชสอนให้กับที่ทางซุปเปอร์เทรดเดอร์รีพับลิค รวมถึงอาชีพการทำธุรกิจก็ยังมีอยู่ด้วย และมีธุรกิจใหม่ที่จะผลักดันไปในทางเทคมากยิ่งขึ้น เป็นการเปิดประตูโดนการนำนักลงทุนเข้าสู่เทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันเปิดบริษัทใหม่ขึ้นมา ชื่อว่า ซุปเปอร์เทรดเดอร์ เทคเอ๊กซ์ จะนำไปสู่เรื่องของเทคมากขึ้น ในอดีตที่ผ่านมาเราจะเห็นว่า หุ้นเทค มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นรุนแรงมาก ปัจจุบันเลยหันมาทำธุรกิจเกี่ยวเทคมาขึ้น เพื่อที่จะสามารถพานักลงทุนให้รู้จักวงการเทคมากยิ่งขึ้น 

สุดท้าย ตาว บอกว่า หากย้อนไปในอดีตจนถึงปัจจุบันต้องยอมรับว่า ช่วงนี้ถือว่าค่อนข้างมีความสุข เป้าหมายของผมคือ ลงทุนเพื่อให้มีความสุข อยู่กับชีวิตเพื่อให้มีความสุข การลงทุนเป็นเพื่อแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เราเจอกับนักลงทุนมากมาย บางคนผิดหวังล้มเหลว กับการลงทุนที่หมกหมุ่นในตลาดการลงทุนมากเกินไป จนทำให้ไม่มีความสุขในการลงทุน ฉะนั้นเป้าหมายอย่างเดียวของผมคือ ลงทุนแล้วต้องมีความสุขด้วย

 

Facebook Comments