FINNOMENA

มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า ปีนี้ถือเป็นปีที่ท้าทายของตลาดการลงทุนในทุกๆ ด้าน เนื่องจากมีความผันผวนและปัจจัยเสี่ยงที่รุมเร้าหลายด้าน โดยเฉพาะปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัว เพื่อลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ และหากเงินเฟ้อไม่ชะลอตัวลง ความเสี่ยงของการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะยิ่งสูงขึ้น

โดยเฉพาะปัจจัยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ แม้ว่าขณะนี้หลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยจะเริ่มกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติกันอีกครั้ง แต่เศรษฐกิจก็อาจจะยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ ขณะที่ราคาพลังงานมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อเงินเฟ้อที่สูงขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน ดังนั้น การลงทุนเพื่อลดความผันผวน จำเป็นต้องจัดพอร์ตในภาพรวมให้เหมาะสม

กสิณ สุธรรมนัส CEO & Co-Founder บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด บอกว่า บริษัทนายหน้าซื้อขายกองทุนในประเทศไทยจะมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น แต่บริษัทยังสามารถตอกย้ำความเป็นอันดับหนึ่งด้วยผลกำไรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยในปี 2564 สามารถสร้างผลกำไรเติบโตกว่า 497.77% จากปี 2563 ที่มีกำไร 4.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 29.6 ล้านบาท ขณะที่รายได้เติบโตจาก 159.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 466.35 ล้านบาท ในปี 2564 หรือ เพิ่มขึ้น 192.69%

FINNOMENAจากข้อมูลของผู้ลงทุนบนแพลตฟอร์ม FINNOMENA พบว่าอาชีพที่สนใจลงทุนสูงสุด 52% เป็นพนักงานบริษัทเอกชน รองลงมาเป็นธุรกิจส่วนตัว 12% และข้าราชการ 10% สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจด้านการลงทุนของคนไทย ที่เน้นเป็นกลุ่มคนทำงานมากยิ่งขึ้น และโดยสัดส่วนอายุของนักลงทุนอายุ 30-39 ปี คิดเป็น 35% และอายุ 20-29 ปี คิดเป็น 28% บ่งบอกถึงภาพรวมของเทรนด์การลงทุนที่เปลี่ยนไป โดยแผนการลงทุนยอดนิยมของคนไทยคือ การเลือกลงทุนด้วยตนเอง หรือแบบ DIY ที่มากถึง 40% รองลงมา 20% เป็นการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีในกองทุนรวมลดหย่อนภาษี และ 10% เป็นการลงทุนเพื่อเป้าหมายเงินเก็บ 1 ล้านบาท

ด้านดร.แอนดรูว์ สต๊อทซ์ นักวิเคราะห์และนักวิจัย  กล่าวว่า “โครงการ Guru Port ลงทุนตามกูรูชั้นนำ เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2562 โดยพอร์ตที่ได้รับความนิยมอย่างท่วมท้น ได้แก่ พอร์ต A.Stotz All-Weather Strategy ที่ทางตนได้ออกแบบและร่วมพัฒนากับทางฟินโนมีนา ซึ่งจากสำเร็จดังกล่าว นำมาสู่การร่วมกันออกแบบพอร์ตที่ 2 คือ All-Weather Alpha Focus ที่นักลงทุนให้ความสนใจร่วมลงทุนภายใต้คำแนะนำดังกล่าว คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม 2 พันกว่าล้านบาท และในเร็ว ๆ นี้ กำลังจะร่วมมือกันในการออกแบบพอร์ตการลงทุนที่ 3 เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุนที่ต้องการบริหารความเสี่ยงในสถานการณ์ตลาดที่ผันผวนอย่างเช่นทุกวันนี้”

FINNOMENAโดยโครงการ Guru Port ในปีนี้ FINNOMENA ได้ร่วมมือกับกูรูด้านการลงทุน อย่าง Deepscope, BottomLiner และ MacroView นำแนวคิดที่โดดเด่นของแต่ละกูรูมาพัฒนาเป็นพอร์ตการลงทุนทางเลือกสำหรับการตัดสินใจของนักลงทุนในสภาวะที่ตลาดมีความผันผวน ซึ่งแต่ละพอร์ตของทั้ง 3 กูรู จะมีความพิเศษและแตกต่างกันออกไป เพื่อให้นักลงทุนได้เลือกตามความเหมาะสม โดยมีรายละเอียด ดังนี้

• Guru Port – Growth Momentum AI (GMAI) โดย Deepscope: พอร์ตลงทุนที่เน้นการลงทุนในกองทุนที่ NAV เติบโตเร็วด้วย momentum ผ่านการคัดเลือกโดย AI จาก Deepscope ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนา AI สำหรับการลงทุน

• Guru Port – Optimal Megatrend Opportunities (OMO) โดย BottomLiner: ลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็นธีม เมกะเทรนด์ โดยปรับระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ได้รับ ในระดับที่ควบคุมได้

• Guru Port – MRI โดย MacroView: ลงทุนผ่านแนวทางการสแกนกองทุนด้วยปัจจัยเชิง Macro ความเสี่ยง (Risk) และการวิเคราะห์แบบ Induction (MRI)

อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่า คนอายุน้อยลงทุนเข้ามาลงทุนมากขึ้น มีการวางแผนทางการเงินมากขึ้น เพราะว่าเทรนด์การลงทุนที่เปลี่ยนไปนั่นเอง…วันนี้ไปล่ะค่ะ…บ๊ายยยยย

Facebook Comments