LTF

มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า …สิ้นสุดการรอคอย งาน SET in the City 2018 เริ่มแล้วนะคะ ตั้งแต่วันนี้ -18 พ.ย. ชั้น 5 รอยัล พารากอน ฮอลล์ ..ห้วงนี้ตลาดหุ้นผันผวนไม่ต่างกับรถไฟเหาะตีลังกา ฉะนั้นหันมาคบกองทุนน่าจะหนุนนำกว่ามั้ยคะ อิป้า เลยโฉบไปกระแซะขอความรู้ จากทีมผู้จัดการกองทุนหุ้นไทยของ บลจ.กสิกรไทย ถึงเทคนิคลงทุน LTF / RMF ในปีนี้มาฝากกันค้าาาา

แน่นอนค่ะว่า ใกล้สิ้นปีแบบนี้ ชนเผ่ามนุษย์เงินเดือน (รวมถึงพี่เม่าที่ไม่ชอบเสี่ยงมาก) โปรย “คำถาม” กันหนักมากค่ะว่า “เลือกกองทุน LTF-RMF กองไหนดี” …พี่ๆ ทีมผู้จัดการกองทุนกสิกรไทย เลยมาเปลือย “คำตอบ” ด้วยการเริ่มวิเคราะห์มุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงสิ้นปีนี้ รวมถึงแนวโน้มในปี 2562 กันด้วยนะคะ

โดยภาพรวมแล้วยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อหุ้นไทย เหตุผลคือ พื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง-ฟื้นตัวต่อเนื่อง นโยบายรัฐช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะยาว แถมด้วยประเด็นฮอตอย่างการเลือกตั้งที่ชัดเจนปีหน้า (ก.พ. – พ.ค. 2562) ปัจจัยเหล่านี้น่าจะส่งผลบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในอนาคตคะ

นอกจากนี้สภาพคล่องในประเทศยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ระดับราคาหุ้น (Valuation) เริ่มลดต่ำลงมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยระยะยาว 5 ปี รวมถึงเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ที่อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงทรงตัวอยู่ระดับต่ำ ทำให้ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ถือว่าเริ่มอยู่ในระดับที่น่าสนใจ…1,750-1,800 จุด จึงยังเป็นเป้าหมายที่ยังคาดการณ์ไว้เมื่อจบสิ้นปี 61

มาดูหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์มี 1. กลุ่มที่เฮจากการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ เช่น หุ้นธนาคาร กลุ่มค้าปลีก 2. กลุ่มที่แฮปปี้จากลงทุนภาครัฐ(ผ่าน EEC) เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มพัฒนาอสังหาฯ กลุ่มนิคมอุตฯ และ 3.กลุ่มที่ดี้ด้าจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เช่น กลุ่มพลังงาน/ปิโตรเคมี(กลุ่มนี้อาจต้องรอแป๊ปนะคะ อิอิ) และกลุ่มโรงพยาบาล

ส่วนเทคนิคเลือกกองทุน LTF-RMF นั้น ควรจะเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ในสัดส่วนประมาณ 80% ของพอร์ตการลงทุน พร้อมกระจายในหลากหลายอุตสาหกรรม เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนที่เป็นปัจจัยภายนอกประเทศ ทั้งสงครามทางการค้า การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ

พี่บลจ.กสิกรไทย เลยจัดใหญ่ ให้ 2 กองทุนคือ กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล (KDLTF) และกองทุนเปิดเค หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (KEQRMF) ที่มีสไตล์การลงทุนที่โดดเด่น มีผลงานสุดคูล สม่ำเสมอแม้ในภาวะตลาดที่ผันผวนในปัจจุบัน ด้วยกลยุทธ์หลักที่เน้นคัดเลือกหุ้นไทยที่เป็นบริษัทชั้นนำ (หุ้นใหญ่) ในแต่ละหมวดอุตสาหกรรม และมีการกระจายความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี

สำหรับผลงาน กองทุน KDLTF ทำผลตอบแทนติดอันดับ Quartile ลำดับที่ 1 และ 2 (เปรียบเทียบจากกองทุน LTF ทั้งหมดในอุตสาหกรรม 87 กองทุน) สม่ำเสมอตลอด 5 ปีย้อนหลังที่ผ่านมา ในขณะที่กองทุน KEQRMF ติดอันดับ Quartile ลำดับที่ 1 และ 2 (เปรียบเทียบจากกองทุน RMF ที่เน้นลงทุนหุ้นไทยทั้งหมดในอุตสาหกรรม 48 กองทุน) อย่างสม่ำเสมอ 5 ปีย้อนหลังที่ผ่านมาเช่นกัน (ข้อมูลจาก Morningstar ณ 31 ต.ค.61)

นอกเหนือจากการเลือกลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่แล้ว การจะไปสอยกองทุน LTF นั้น อาจเลือกพิจารณากองทุนที่มีนโยบายจ่ายปันผลด้วย เพราะนอกจากเป็นการเพิ่มรายรับระหว่างทางให้กับผู้ลงทุนแล้ว ยังเป็นการช่วยลดความเสี่ยงจากโอกาสที่หุ้นจะปรับตัวลงจากภาวะตลาดที่ผันผวน ด้วยการที่กองทุนพิจารณาจ่ายกำไรบางส่วนคืนกลับออกมาเป็นเงินปันผลให้กับผู้ลงทุน

กองทุน KDLTF นั้นตัวจี๊ดเลยค่ะ เป็นกองทุนที่มีประวัติจ่ายปันผลสูงสุดของกสิกรไทย และสม่ำเสมอทุกปี ซึ่งตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (19 ต.ค. 2547) จ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 22 ครั้ง รวมเป็นอัตรา 9.83 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลเฉลี่ย ประมาณ 4% ต่อปีตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และหากดูอัตราจ่ายเงินปันผลในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (ข้อมูล ณ 31 ต.ค. 2561) ยังมีอัตราการจ่ายปันผลสูงถึง 8.19% ต่อปีอีกด้วย

ท้ายนี้ ขุ่นพี่กสิกรไทย ฝากเทคนิคทีเด็ดส่งท้าย ลงทุน LTF/RMF ให้ปังมากที่สุด คือ การลงทุนแบบมีวินัยตามหลัก Dollar Cost Average (DCA) หรือการซื้อเฉลี่ยต้นทุน จะช่วยลดความผิดพลาดจากการจับจังหวะการลงทุน (Market Timing) และยังสร้างวินัยการลงทุน และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าการเข้าซื้อเป็นเงินก้อนใหญ่เฉพาะในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งอีกด้วยค่ะ

อ่านถึงบรรทัดนี้แล้ว เห็นทีอิป้า จะต้องไปจัดกองทุน LTF/RMF ซะหน่อยแล้วคะ…ไปละ บ๊ายยย

———————————-

ติดตามที่ :

#หุ้น #กองทุนรวม #fund #set #Mutualfund #epahamalao #อิป้าหามาเล่า #ตลาดหุ้น #ตลาดหุ้นไทย #mai #ลงทุน #ออมเงิน

Facebook Comments