วันนี้ 29 พฤษภาคม “วันวิสาขบูชา” ค่ะ เหมือนที่รู้กันว่า วันนี้ มี 3 เหตุการณ์สำคัญ “ประสูติ-ตรัสรู้-เสด็จดับขันธปรินิพพาน” ในวันเพ็ญเดือน 6 นั้นเองค่ะ ฉะนั้น พุทธศาสนิกชน อย่าพลาดกิจกรรมดีๆ อย่าง ตักบาตร การฟังพระธรรมเทศนา และเวียนเทียน นะค่ะ อิป้า เห็นว่า วันพระอย่างนี้ มาเหลาเรื่องราวของ หุ้น –การลงทุน กับ ธรรมะ คำสอนของพระพุทธองค์ กันดีกว่าค่ะ
หุ้น กับธรรมะ 7 ข้อ
ข้อแรก ต้องมี “สติ” อันเป็นบ่อเกิดของปัญญาค่ะ .คนส่วนใหญ่หมดตัวกับหุ้นก็เพราะอารมณ์โลภ โกรธ หลง อิจฉาริษยา แค้น เสียดาย เสียใจ เสียความรู้สึก โดยความรู้สึกเหล่านี้ แน่นอนว่าคนเดินดินธรรมดา สล้ัด ตีดยากค่ะ แต่การมี “สติ” นั้นจะช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ลงได้บ้าง ไม่งั้น พาลจะเสียคน ไปเลยนะค่ะ
ข้อ2 ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) ..เหล่าบรรดานักลงทุนทั้งหน้าเก่า มือใหม่ต่างรับรู้ถึงสัจธรรมข้อนี้เป็นอย่างนี้ นะค่ะ ยิ่งยามใดที่ราคาหุ้นเผชิญกับ “ความผันผวน” อันเกิดจากปัจจัยหลากหลายทั้ง เศรษฐกิจ การเมือง และอื่น ๆ ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ นั้นแหละ…ความไม่แน่นอน มาเยือนเราแน่
ข้อ3 การเดินสายกลาง นั้นคือกลวีธีบริหารจัดการพอร์ตให้ “กระจายความเสี่ยง” อย่างเหมาะสม การลงทุนที่เสี่ยงเกินไปนั้น อาจจะทำให้เกิดหายนะ หรือการที่เราถือหุ้นน้อยตัวเกินไป ก็ไม่ดี เพราะผลตอบแทนที่ได้ ก็จะไม่ได้ตามที่เราหวังและต้องการ ฉะนั้นเอาให้เหมาะให้ควร นั้นเองค่ะ
ข้อที่ 4 “อิทธิ บาท 4” ทำสิ่งใดให้ประสบความสำเร็จ ประกอบไปด้วย ฉันทะ (ความพอใจ) นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จต้องรักในการลงทุน เล่นหุ้นก็ต้องหุ้น(รวมถึงเงินที่งอกเงยด้วย)… วิริยะ (ความพากเพียร) ชัดเจนว่าต้องหาข้อมูลในการลงทุน ในหุ้น หรือกองทุนที่หมายตา อ่านให้มาก โอกาศพลาดยิ่งน้อย
จิตตะ ( ความฝักใฝ่เอาใจใส่) นักลงทุนที่ดีควรติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งตรวจสอบพื้นฐานของธุรกิจ …. วิมังสา (ความไตร่ตรอง )คือ หมั่นใช้ปัญญา พิจารณาใคร่ครวญ ตรวจหาเหตุผลว่า เราจะซื้อหุ้นตัวนี้ กองทุนนี้ เพราะอะไร มีเหตุผลอะรบ้าง เขียนใส่กระดาษ เปรียบเทียบข้อดี ข้อด้อยกันเลย
ข้อที่ 5 “การปล่อยวาง” (อุเบกขา)..ธรรมะข้อนี้ ใช้ได้ดี มั๊กมาก เลยค่ะ เวลา หุ้นหรือสินทรัพย์ ของเรา ไม่เป็นไปตามสิ่งที่หวังและตั้งใจ จะมามัว โซแซด ก็ป่าวปลี้ เสียประโยชน์ค่ะคุณขา หักห้ามใจซะ ปล่อยวางมันไป คิดว่า มันไม่ใช่จังหวะของเรา ชีวิตเริ่มได้ใหม่เสมอค่ะ
ข้อที่ 6 “ความโลภบังตา ตัณหาบังใจ “ เมื่อครอบงำเราแล้ว “ความอยาก”จะตามติด อยากรวยเร็วๆ เหมือนเพื่อนๆ อยากเล่นตัวไหนที่พุ่งปรี๊ดด เล่นหุ้นจัดหนัก อยากได้กำไรเยอะๆ แต่ได้ไม่ได้ศึกษาให้ถ่องแท้ สุดท้ายก็บัวแล้งน้ำค่ะคุณ ฉะนั้น ท่องไว้นะค่ะ ไม่โลภ พอเพียง ไม่โลภ พอเพียง
ข้อที่ 7 อย่าไปยึดมั่นถือมั่น เราต้องเรียนรู้และเข้าใจ ในสัจธรรมข้อนี้ให้ดีนะค่ะ เพราะใครก็ตามที่เคยสัมผัสกับความหอมหวานของกำไรในสินทรัพย์ที่ลงทุนไปแล้ว จะปลื้มปริ่ม ตามมาด้วยการติดอกติใจ เลิกยาก ส่วนผู้ใดอกหักรักคุดจากหุ้นตัวโปรด ก็เก็บงำความคิดแค้น หมายมั่นแก้มือในหุ้นตัวต่อไป ฉะนั้นเอาแค่พองามนะค่ะ
สุดท้ายแล้ว การลงทุนในทุกรูปแบบ ล้วนแต่มีความเสี่ยงมากน้อยแตกต่างกันไป ถ้าลงทุนอย่างมีสติ รู้กำลัง รู้เท่าทันหน้าตักตนเอง โอกาศพลาด ก็น้อยลงไปนั้นเองค่ะ..ไปละ บ๊ายยย
—————————————
ติดตามที่ :
? Website : www.epahamalao.com
? Facebook : www.facebook.com/epahamalao
? Instagram : www.instagram.com/epahamalao
? Twitter : www.twitter.com/epahamalao
#หุ้น #กองทุนรวม #fund #set #Mutualfund #epahamalao #อิป้าหามาเล่า #ตลาดหุ้น #ตลาดหุ้นไทย #mai #ลงทุน
