กองทุนผสม

อิป้าหามาเล่า มาชวนเม้าท์มอย อีกแล้วค่ะ…วันก่อน น้องสาวสุดเฟี้ยว รสนิยมสูง รายได้ต่ำ มาขอคำปรึกษา อยากเล่นหุ้น แต่ใจไม่กล้า กลัวถลำเลยเถิด มี “อะไร” ที่แบบว่า ไม่ต้องเสี่ยงมาก หรือเรียกง่ายๆ ว่า ได้น้อย แต่ชัวร์ พอฟังคำถามเสร็จ ในหัวอิป้า นึกออกคำแรกเลยคือ กองทุนผสม ซิคะ คุณน้อง ระดับความเสี่ยงกลางๆ พอมีลุ้นค่ะ

ก่อนอื่น ไอ้เจ้ากองทุนรวมผสม (Mixed Fund) คืออะไร ไปรู้จักกันหน่อย กองทุนรวมผสม นั้น ชื่อบอกชัดๆว่า”ผสม” แปลง่ายๆ คือกองทุนรวมแบบที่ผู้จัดการกองทุนกำหนดนโยบายได้หลากหลายเลือกลงทุนได้ในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น ตราสารหนี้ หุ้น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการลงทุนแบบนี้ ความเสี่ยงปานกลางนะค่ะ ลุ้นสนุก

กองทุนรวมผสม” นั้น หัวใจหลักคือการกระจายความเสี่ยง ดังนั้นจึงลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภทผสมกัน ผลตอบแทนเลยจะเป็นค่าเฉลี่ยกลางของสินทรัพย์โดยภาพรวม เช่น กองทุนรวมผสมที่ลงทุนทั้งในตราสารหนี้และหุ้นก็มักจะได้ผลตอบแทนของกองทุนรวมอยู่ตรงกลางระหว่างกองทุนรวมตราสารหนี้และกองทุนรวมหุ้น

ทั้งนี้กองทุนรวมผสมแบบนี้ มีเงื่อนไขในเรื่องสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุนในขณะใดขณะหนึ่ง ไม่น้อยกว่า 35% และไม่เกินกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมนั้น

และยังมีอีกประเภท คือ กองทุนรวมผสมยืดหยุ่น คล้ายๆ กับ กองทุนรวมผสม แต่ไม่มีข้อจํากัดเรื่องสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน ดังนั้น การจัดสรรเงินลงทุนระหว่างเงินฝาก ตราสารหนี้ ตราสารทุน หรือตราสารอื่นๆ จึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจลงทุนของผู้จัดการกองทุนตามสภาวะตลาดในขณะนั้นๆ..ดังนั้นถ้าผู้จัดการเก่ง อนาคตก็สดใสค่ะ

สำหรับ กองทุนรวมผสม เกจิหลายสำนักต่างมองว่าในปีนี้ ยังมีอนาคต นักลงทุน บางราย เล่นเบอร์ใหญ่อย่างหุ้น แล้ว หัวใจจะวาย จึงหันไปหาการลงทุนที่เสี่ยงต่ำลงมาดีกว่า ซึ่งกองทุนพวกนี้ลงทุนในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ (REITs) รวมไปถึงกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น มีการให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอในรูปเงินปันผล

กองทุนผสม กองไหนดี

ช่วงนี้ เห็น กองทุนรวมผสม ที่เด่นๆ น่าจะเป็น กองทุนเปิดกรุงศรีชีวิตดีเว่อร์ หรือ KFGOOD ของ บลจ.กรุงศรี ที่ผสม ผสานการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ พร้อมการดูแลจัดสรรพอร์ตให้มีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับภาวะตลาดโดยมืออาชีพผู้มีประสบการณ์ โดยเสนอขายครั้งแรก 25 พ.ค. – 6 มิ.ย. 2561

มาส่อง นโยบายของเจ้านี้ดูกันบ้างนะค่ะ..เขาจะกำหนดสัดส่วนการลงทุนในหุ้น REITs กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในระดับไม่เกิน 50% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ทำให้เพิ่มโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น สัดส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพเพื่อเพิ่มความมั่นคงของเงินลงทุน

ทั้งนี้ จุดเด่นของกองทุน KFGOOD คือความยืดหยุ่นในการจัดพอร์ตการลงทุน ในส่วนของหุ้นนั้น ผู้จัดการกองทุนสามารถเลือกหุ้นได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านขนาดและประเภทหุ้นที่สามารถลงทุนได้ ในภาวะที่ตลาดผันผวนหรือมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไม่สดใส ผู้จัดการกองทุนสามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ได้สูงถึง 100% ของ NAV เพื่อลดระดับความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน

กองทุน KFGOOD นี้ มีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 5 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง) และมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน

ส่วนอีกหนึ่งตัว คือ กองทุนเปิดทิสโก้โกลบอล อินคัม พลัส (TGINC-R)ของ บลจ.ทิสโก้ กระจายความเสี่ยงไปลงทุนหลายประเภทเช่น ตราสารหนี้ หุ้นต่างประเทศ รวมไปถึงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งในและต่างประเทศ ผ่านกองทุนรวมหรืออีทีเอฟต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม แม้จะเสี่ยงกลางๆ จากปัจจัยเศรษฐกิจด้านต่างๆแล้ว จะรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการเมืองในประเทศซึ่งกองทุนได้ลงทุนนั้นด้วย

อิป้า มองว่า ใครไม่อยากวุ่นวายปวดตับกับหุ้นบิ๊กแคป ที่ผันผวน รวนเร ลองหันไปคบ “กองทุนรวมผสม ” ก็น่าจะดีต่อใจ ไม่น้อยนะคะ…ไปละ บ๊ายย
——————————–

ติดตามที่ :
? Website : www.epahamalao.com
? Facebook : www.facebook.com/epahamalao
? Instagram : www.instagram.com/epahamalao
? Twitter : www.twitter.com/epahamalao

#หุ้น #กองทุนรวม #fund #set #Mutualfund #epahamalao #อิป้าหามาเล่า #ตลาดหุ้น #ตลาดหุ้นไทย #mai #ลงทุน #กองทุนผสม

Facebook Comments