ดอกเบี้ย

แหมม ช่วงนี้ กระแส น้ำมันขาขึ้น แพงจิงจัง มาแรงเหลือเกินค่ะ กระทบกันทุกหย่อมหญ้า (หนักไปทางด่ามากกว่านะค่ะ) และไม่ได้มาเดี่ยวๆนะ มาพร้อมกับ “ดอกเบี้ยขาขึ้น”อีกต่างหาก ปัจจัยเรื่อง ดอกเบี้ย จะเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับการลงทุน เงินเฟ้อ ค่าเงินและเศรษฐกิจโดยรวม ดังนั้น วันนี้อิป้าขอเหลา ปม ดอกเบี้ย หน่อยเถอะค่ะ

เล่าที่มาที่ไปคราวๆนะค่ะ ช่วงนี้ เงินเฟ้อสูงขึ้นทั่วโลก จากต้นทุนราคาน้ำมันดิบโลก และเมื่อสหรัฐฯรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง อีตาเฟด หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เป็น 1.5-1.75% ( 2 ปีที่แล้วอยู่ที่ 0-0.25% ) สิ่งที่ตามมาเงินดอลลาร์แข็งค่า (ไทย เงินทุนไหลออก)อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นระดับ3%

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปีนี้เป็นจำนวนถึง 4 ครั้ง ต้องไปลุ้นในเดือนมิ.ย.นี้ อิป้าฟันธงว่า ขึ้นแน่..

เมื่อสถานการณ์โลกเป็นอย่างนี้่ แน่นอนว่าเมื่อ เข้าสู่ยุค ดอกเบี้ย ขาขึ้น ย่อมกระทบต่อธุรกิจ และตลาดหุ้นด้วยเช่ากัน มีคนได้ คนเสีย ดังนั้น การเลือกหุ้น ง่ายๆคือ กลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ก็คือ ธุรกิจที่มีหนี้สินน้อย วัดได้จาก D/E Ratio (อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น) อยู่ในระดับต่ำ เพราะถ้ากู้มาเยอะ ดอกก็จะสูงเพิ่มขึ้นไปด้วยนั้นเองค่ะ

นอกจากนี้ ต้อง ส่องให้ลึกว่าฐานะทางการเงิน ของบริษัทนั้นๆ ต้องมีพื้นฐานแข็งแกร่งทั่งแผ่น มีกระแสเงินสดสูง วิ่งฉิ่ว มีหนี้สินต่ำ มีหนี้ที่จ่ายดอกเบี้ยจ่ายในระดับต่ำ

หุ้นกลุ่มไหนระริกระรี้ หลัง ดอกเบี้ย ขาขึ้น

1.กลุ่ม ธนาคารพาณิชย์ ที่ได้ประโยชน์จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ที่จะเพิ่มสูงขึ้น อธิบายง่ายๆคือรายได้หลักของแบงค์มาจากดอกเบี้ยที่ปล่อยกู้ให้ลูกค้า ใช่ไหมค่ะ ซึ่งเจ้าดอกเบี้ย ระยะกลาง-ยาว เป็นอัตราลอยตัว ที่นี้ พอเฟดปรับดอกเบี้ยขึ้น แบงค์ก็ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้นตาม ทำให้ NIM เพิ่มขึ้น เองค่ะ

ฉะนั้นควรเพิ่มพอร์ต กลุ่มนี้เข้าไป และเมื่อเปรียบเทียบ สินเชื่อลอยตัวกับดอกเบี้ยเงินฝากที่ลอยตัว แล้วBBL และ KTB ยังแข็งแกร่งค่ะ

แต่อย่างไรก็ตามต้องระวังการลงทุนตราสารหนี้ ระยะยาว (ที่มีอายุคงเหลือมากกว่า 2 ปีขึ้นไป) ด้วยการลดน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้หรือลดการถือครองตราสารหนี้ระยะยาว แล้วเน้นถือครองตราสารหนี้ระยะสั้น

2. กลุ่มประกันชีวิต ได้ประโยชน์จากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น โดยสามารถไปหาแหล่งลงทุนที่ได้ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้ นอกจากนี้แล้วด้วย ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ตามมาตรฐานการบัญชี คปภ.คำนวณ มูลค่าหนี้สินที่เกิดขึ้นในอนาคต มาเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิ ทำให้ภาระหนี้สินลดลง นั้นเองค่ะ

3.กลุ่มอุตสาหกรรม เน้นไปที่ ธุรกิจที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง กระแสเงินสดสุทธิดี (Net Cash Flow) มีหนี้สินต่ำ มีภาระดอกเบี้ยจ่ายในระดับต่ำ หรือไม่มีเงินกู้เลย

4.กลุ่มค้าปลีก เฉพาะบางตัวที่เป็นธุรกิจที่ใช้กระแสเงินสดทำกิจการการค้าสูง ไม่มีหนี้สินเงินกู้มากนัก

มีได้ ก็ต้องมีเสียนะค่ะ ของคู่กัน กลุ่มธุรกิจที่เสียประโยชน์ คือกลุ่มนี้จะมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ในระดับสูง เช่น กลุ่มธุรกิจลีสซิ่งและเช่าซื้อ กลุ่มสื่อสาร กลุ่มสายการบิน กลุ่มบันเทิง กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็ก

เอาเป็นว่า ต้องเน้นธุรกิจที่พื้นแกร่ง อัตราเติบโตสูง และมี D/E Ratio ระดับต่ำ จะดีที่สุดค่ะ..ไปละ บ๊ายย
——————————————

ติดตามที่ :
? Website : www.epahamalao.com
? Facebook : www.facebook.com/epahamalao
? Instagram : www.instagram.com/epahamalao
? Twitter : www.twitter.com/epahamalao

#หุ้น #กองทุนรวม #fund #set #Mutualfund #epahamalao #อิป้าหามาเล่า #ตลาดหุ้น #ตลาดหุ้นไทย #mai #ลงทุน

Facebook Comments