มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า วันนี้จะพาไปซอกแซกหุ้นในกลุ่ม SET 50 ที่จัดเป็นเกรดพรีเมี่ยม ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ คัดสรรมาแล้ว ตัวที่อยู่ในกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่พื้นฐานแข็งแกร่ง เรียกว่าน่าจะมีติดพอร์ตไว้สักตัว 2 ตัวนะคะ และจะพาไปถึง 10 ที่สุดของ SET50 ว่ามีอะไรบ้าง ไปอ่านกันเลยค่ะ

1. มาร์เกตแคป (Market Capitalization) เป็นค่าที่บอกมูลค่าตลาดหรือขนาดของบริษัท มีการเปลี่ยนแปลงของราคา หุ้น Market Cap สูง จะส่งผลกระทบกับตลาดฯ มากกว่าหุ้น Market Cap ต่ำๆ ซึ่งกลุ่มพลังงาน – กลุ่มธนาคารมี Market Cap ใหญ่ที่สุดในตลาด ใน SET 50 ตัวที่มี Market Cap สูงสุดคือ PTT (บมจ.ปตท.) มูลค่า 1,263,913 ล้านบาท และต่ำที่สุดคือ KKP (บมจ.ธนาคารเกียรตินาคิน) มูลค่า 61,601 ล้านบาท

2. P/E Ratio หรือ Price-Earnings Ratio คือ อัตราส่วนราคาต่อกำไรค่า P/E สามารถประมาณการจุดคุ้มทุนให้กับผู้ลงทุนได้ ค่าตัวนี้ส่วนใหญ่ ยิ่งต่ำยิ่งดี แต่ไม่เสมอไปค่ะ ต้องดูตามหมวดอุตสหกรรมด้วย ใน SET 50 ตัวที่มีค่า P/E ต่ำสุดคือ TMB (บมจ.ธนาคารทหารไทย) อยู่ที่ 6.84 เท่า (P/E อุตสาหกรรมอยู่ที่ 9.85 เท่า) และสูงสุดคือ GULF (บมจ.กัลฟ์) อยู่ที่ 100.42 เท่า (P/Eอุตสาหกรรมอยู่ที่ 16.40 เท่า)

3.P/BV หรือ Price to Book Value อัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น ค่าตัวนี้ส่วนใหญ่ ยิ่งต่ำยิ่งดี แต่ไม่เสมอไปค่ะ ใน SET50 ตัวที่มี ค่าP/BV ต่ำสุดคือ TMB (บมจ.ธนาคารทหารไทย) อยู่ที่ 0.74 เท่า (P/Eอุตสาหกรรมอยู่ที่0.96 เท่า) และสูงสุดคือ HMPRO (บมจ.โฮมโปร) อยู่ที่ 11.30 เท่า (P/E อุตสาหกรรมอยู่ที่ 4.77 เท่า)

4.Yield หรือ Dividend Yield เป็นการวัดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ค่าตัวนี้ส่วนใหญ่ ยิ่งสูง ยิ่งดี แสดงว่ามีการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง ซึ่งจะดึงดูดนักลงทุน แต่ถ้าหุ้นใดมีค่านี้ต่ำ ก็อย่าเพิ่งตัดสินว่าไม่ดี ให้ไปดูว่า บริษัทนั้นอาจทำเงินไปลงทุนเพิ่มขึ้น ทำให้จ่ายปันผลน้อยก็เป็นได้ค่ะ ใน SET 50 ตัวที่มีค่า Yield สูงสุดคือ PTTGC (บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล) 7.94 % และต่ำสุดคือ SAWAD (บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น) 0.02%

5.ROA หรือ Return on Asset อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ แสดงถึงความสามารถในการทำกำไรของสินทรัพย์ทั้งหมดที่กิจการนั้นใช้ในการดำเนินงาน ยิ่งมีค่าสูง ยิ่งแสดงว่า บริษัทมีความสามารถในการทำกำไร ได้มาก (อ้างอิงwww.set.or.th ) ใน SET50 ตัวที่มีค่า ROA สูงสุดคือ BH (บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์) 19.71% และต่ำสุดคือ DTAC (บมจ.ดีแทค) -1.13%

6. ROE หรือ Return on Equity อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น แสดงถึงความสามารถในการทำกำไรจากส่วนของผู้ถือหุ้น เป็นการวัด ผลตอบแทนต่อส่วนของทุนของบริษัทว่าให้ผลเฉลี่ยในระดับใด ยิ่งมีค่ามากก็แสดงว่าผู้บริหารของบริษัทนั้นมีฝีมือในการบริหารงานดี ผู้ถือหุ้นมีโอกาสได้รับ ผลตอบแทนมาก (อ้างอิง www.set.or.th)ใน SET50 ตัวที่มีค่า ROE สูงสุดคือ ADVANC (บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส) 48.22% และต่ำสุดคือ DTAC (บมจ.ดีแทค) -9.91%

7.NPM หรือ Net Profit Margin อัตราส่วนกำไรสุทธิ เป็นอัตราส่วนที่ใช้วัดความสามารถในการทำกำไร ของบริษัทหลังจากนำรายได้และค่าใช้จ่ายทุกประเภทมาพิจารณาแล้ว สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทในการควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อให้เกิดกำไรสุทธิ ดังนั้น ค่า Net Profit Margin ยิ่งสูงก็ยิ่งเป็นผลดี (อ้างอิง www.set.or.th) ใน SET50 ตัวที่มีค่า NPM สูงสุดคือ INTUCH (บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์) 65.93% และต่ำสุดคือ IRPC (บมจ.ไออาร์พีซี) 0.53%

8.D/E ratio คือ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity ratio) สะท้อนความเสี่ยงโครงสร้างเงินทุนธุรกิจ ว่ากำลังพึ่งพิงเงินทุนจากแหล่งใดมากน้อยเกินไปหรือไม่? โดยทั่วไปค่า D/E ต่ำจะแปลว่าดี เพราะมีภาระหนี้สินต่ำ แต่ถ้าค่า D/E สูง แปลว่าไม่ดี เพราะมีภาระหนี้สินสูง นักลงทุนมักจะยอมรับค่า D/E อยู่ที่ไม่เกิน 2 ในธุรกิจทั่วไป การวิเคราะห์เบื้องต้นจะมองว่าหากค่า D/E ต่ำกว่า 1 จะถือว่ามีโครงสร้างเงินทุนที่ดี ใน SET50 ตัวที่มีค่า D/E ต่ำสุดคือ BPP (บมจ.บ้านปู เพาเวอร์) 0.24% และสูงสุด TCAP (บมจ.ทุนธนชาต ) 13.56%

9.EPS หรือ Earning Per Share (กำไรต่อหุ้น) คือ อัตราส่วนทางการเงินที่แสดงสัดส่วน กำไรต่อหุ้น หรือต่อส่วนของเจ้าของกิจการ ตามปกติ ค่าตัวนี้ยิ่งสูงยิ่งดีใน SET50 ตัวที่มีค่า EPS สูงสุดคือ SCC (บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย ) 32.19% และต่ำสุดคือ IRPC (บมจ.ไออาร์พีซี) 0.08%

10.ราคาปิด (9 ส.ค.62) สูงสุด คือ SCC (บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย) 414 บาท /หุ้น และต่ำสุดคือ TMB (บมจ.ธนาคารทหารไทย) 1.79 บาท/หุ้น

ปล .ข้อมูล ตัวเลข จาก siamchart. วันที่ 9 ส.ค.62 ทั้งนี้ตัวเลขเหล่านี้จะไม่ค่อยนิ่งนะคะ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ วันนี้ไปล่ะค่ะ บ๊ายยย

Facebook Comments