มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า วันนี้จะพาไปดูพอร์ตของนักลงทุนมืออาชีพ ที่โปรไฟล์สุดหรู ดูแพง ทั้งชาติตระกูล การศึกษา และฝีมือการเลือกหุ้น

“พีรนาถ โชควัฒนา” ทายาทรุ่นที่สามของตระกูลโชควัฒนา หลานชายคนโตนายห้าง “เทียม โชควัฒนา” ผู้ก่อตั้ง “เครือสหพัฒน์” โดยพีรนาถ จบคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เกียรตินิยมอันดับ 1 แล้วไปจบโททางด้านวิศวะเคมี ที่ California Institute of Technology สหรัฐอเมริกา และยังจบ MBA ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

“พีรนาถ” ทำงานที่ ICC ประมาณ 10 ปี ดูแลแบรนด์ฟูจิย่า ทำงานเหมือนพนักงานประจำทั่วไป สุดท้ายเลือกที่จะเป็นนักลงทุนเพียงอย่างเดียว และเส้นทางนี้สร้างความมั่งคั่งทางการเงินให้เขาอย่างมั่นคง เขาเล่ากลยุทธ์การลงทุนที่ใช้แล้วประสบความสำเร็จ สร้างผลตอบแทนได้อย่างงดงามในตลาดหุ้นว่า เป็นการผสมผสานระหว่างการดู “กราฟทางเทคนิค” ซึ่งจะบอก “จังหวะ” การลงทุนกับการเลือกหุ้นโดยใช้ “ปัจจัยพื้นฐาน” (อ้างอิง http://www.maruey.com )

“พีรนาถ” เคยบอกไว้ (ในอดีต) ว่า “ไม่มีเส้นกราฟ ผมซื้อหุ้นไม่ได้” เมื่อสัญญาณทางเทคนิคของหุ้นตัวไหน “กำลังมา” จะเจาะเข้าไปดู “เนื้อธุรกิจ” ของหุ้นตัวนั้น ถ้าดูแล้วเห็นว่า บริษัทนั้นโมเดลธุรกิจไม่ยุ่งยากซับซ้อนจนเกินไป ไม่เหนื่อย! ที่จะทำความรู้จัก จะเข้าไปซื้อไว้ในจำนวนที่น้อยๆ ก่อน (อ้างอิง http://www.maruey.com )

“พีรนาถ” จะลงทุนในสิ่งที่เรารู้จักเป็นอย่างดี ถ้าธุรกิจไหนไม่เข้าใจหรือยังไม่ได้ศึกษาอย่างดีพอ จะไม่ลงทุนเป็นอันขาด !!

เมื่อเดือน สิงหาคม 2561 อิป้าหามาเล่า เคยนำเสนอพอร์ต “พีรนาถ” ไปแล้ว โดยบทความนั้น พีรนาถ ถืออยู่ 5 ตัว คือ
1. ANAN (บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์) ถือ 62 ล้านหุ้น คิดเป็น 316,637,020 บาท (ราคา 5.05 บาท)
2.J (บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท) ถือ2.8 ล้านหุ้น คิดเป็น 4,590,366 บาท (ราคา 1.63 บาท)
3.JMART (บมจ.เจ มาร์ท) ถือ 16.8ล้านหุ้น คิดเป็น 156,344,085บาท (ราคา 9.30 บาท)
4.JUBILE (บมจ.ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์) ถือ 1.2 ล้านหุ้น คิดเป็น 23,358,790 (ราคา 19.30 บาท)
5.PREB (บมจ.พรีบิลท์) ถือ 5.8 ล้านหุ้น คิดเป็น 66,829,376 บาท (ราคา 11.40 บาท)

รวม 5 ตัว มูลค่า 567,759,637 บาท (567 ล้านบาท)

แต่ในปัจจุบัน (12 ส.ค 62) หุ้นที่ “พีรนาถ โชควัฒนา” ถือเกิน 0.5% มีอยู่ 4 ตัว ตัวที่หายไปคือ J (บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท) และนี้คือพอร์ตหุ้นอัดเดตล่าสุด

1. ANAN (บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์) มาร์เกตแคป 10,932.24 ล้านบาท เขาถือ 84,785,200 หุ้น หรือ 2.54% คิดเป็น 273,008,344 บาท
ราคาเมื่อ ส.ค.61 อยู่ที่ 5.05 บาท ราคาสิ้นปี 61 ปิดที่ 3.24 บาท ขณะที่ ณ 16 ส.ค. 62 ปิดที่ 3.22 บาท ลดลง 0.02 บาท หรือ -0.61%

2.JMART (บมจ.เจ มาร์ท) มาร์เกตแคป 8,370.48 ล้านบาท เขาถือ 17,398,785 หุ้น หรือ 2.37% คิดเป็น 191,386,365 บาท ราคาเมื่อ ส.ค.61 อยู่ที่ 9.30 บาท ราคาสิ้นปี 61 ปิดที่ 4.74 บาท ขณะที่ ณ 16 ส.ค. 62 ปิดที่ 11.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.26 บาท หรือ 132.06%

3.JUBILE (บมจ.ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์) มาร์เกตแคป 2,962.64 ล้านบาท เขาถือ 1,315,300 หุ้น หรือ 0.75% คิดเป็น 23,938,460 บาท
ราคาเมื่อ ส.ค.61 อยู่ที่19.30 บาท ราคาสิ้นปี 61 ปิดที่ 14.60 บาท ขณะที่ ณ 16 ส.ค. 62 ปิดที่ 18.20 บาท เพิ่มขึ้น 3.60 บาท หรือ 24.65%

4.PREB (บมจ.พรีบิลท์) มาร์เกตแคป 3,271.97 ล้านบาท เขาถือ 5,158,114 หุ้น หรือ 1.67% คิดเป็น 51,065,328 บาท ราคาเมื่อ ส.ค.61 อยู่ที่ 11.40 บาท ราคาสิ้นปี 61 ปิดที่ 9.45 บาท ขณะที่ ณ 16 ส.ค. 62 ปิดที่ 9.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท หรือ 4.76%

รวมทั้งหมด 4 ตัว มูลค่า 539,398,497 บาท และเป็นที่สังเกตว่า หุ้นที่ “พีรนาถ” จะไม่ใช่ตัวบิ๊กแคป แต่จะเป็นตัวกลางๆ และ 4 ตัวในพอร์ต กระจายไปใน 4 อุตสหกรรม 1.ANAN (อสังหาฯ) 2. JMART (จำหน่ายทั้งค้าปลีกและค้าส่งโทรศัพท์เคลื่อนที่) 3.JUBILE (ธุรกิจค้าปลีกเครื่องประดับเพชร) และ 4.PREB (ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง)

ทั้งนี้ขอย้ำอีกคร้ังว่า “พีรนาถ” เคยให้สัมภาษณ์ว่า จะลงทุนในสิ่งที่เรารู้จักเป็นอย่างดี ถ้าธุรกิจไหนไม่เข้าใจหรือยังไม่ได้ศึกษาอย่างดีพอ จะไม่ลงทุนเป็นอันขาด !!…วันนี้ไปล่ะค่ะ บ๊ายย

Facebook Comments