หุ้น MID CAP

มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า นั่งมอนิเตอร์ กลุุ่ม SET 100 ไปเรื่อย ๆ เกิดปิ้งไอเดียค่ะ เคยนำเสนอแต่ตัวบิ๊กๆ มาคราวนี้ไปดูตัวกลาง ๆ กันบ้างดีกว่าค่ะ โดยเลือกหุ้นจากกลุ่ม SET100 โดยมีมาร์เกตแคประหว่าง 20,000 – 100,000 ล้านบาท พบ 19 ตัว ราคาดีดขึ้นจากต้นปี 2563 แต่คัดมา 10 อันดับแรกนะคะ

1.STEC (บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น) มาร์เกตแคป 24,859 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 14.20 บาท ณ 17 ม.ค.63 ปิดที่ 16.30 บาท เพิ่มขึ้น 2.10 บาท หรือ 14.78% เป็น 1 ในหุ้นรับเหมาตัวจี๊ดที่สุด (แบล็คแน่น) รับอานิสงส์จากงบประมาณฉลุย และข่าวประมูลสนามบินอู่ตะเภา

2.CK (บมจ.ช.การช่าง) มาร์เกตแคป 36,588 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 19.00 บาท ณ 17 ม.ค.63 ปิดที่ 21.60 บาท เพิ่มขึ้น 2.60 บาท หรือ 13.68% บางโบรกฯ ชูสุดลิ่ม ให้ CK เป็นท็อปพิคกลุ่มเลยล่ะค่ะ เหตุผลคือกระทรวงคมนาคมยังมีโครงการรออยู่อีกกว่า 1.1 ล้านล้านบาท ฉะนั้น รับเหมาๆๆ ค่ะ

3.MEGA (บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์) มาร์เกตแคป 25,284.22 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 26.00 บาท ณ 17 ม.ค.63 ปิดที่ 29.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 11.53% ตัวนี้ลุยตลาดอินโดนีเซีย เมียนมา-แอฟริกา-เวียดนาม-มาเลเซีย พร้อมจับมือ MALEE เปิดตัวเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ หนุนรายได้น่าบวกรัวๆ ค่ะ

4.TQM (บมจ.ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น) มาร์เกตแคป 21,900 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 66.00บาท ณ 17 ม.ค.63 ปิดที่ 73.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท หรือ 10.60% ตัวนี้เจ้าของแชมป์หุ้นสุดแกร่งของ SET100 ปี 2562 ราคาปรับตัวแรงสุดปรับตัวขึ้นถึง 189.47% จาก 22.80 บาท ดีดไป 66.00 บาท และทำนิวไฮจนเบื่อเลยล่ะค่ะ

5.TU (บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป) มาร์เกตแคป 70,146 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 13.50บาท ณ 17 ม.ค.63 ปิดที่ 14.70 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท หรือ 8.80% ตัวนี้ทิศทางราคาทูน่าซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักมีแนวโน้มอาจจะขยับได้บ้าง

6.BCPG (บมจ.บีซีพีจี) มาร์เกตแคป 34,981 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 16.20บาท ณ 17 ม.ค.63 ปิดที่ 17.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาท หรือ 8.02% เพิ่งลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเวียดนาม ในโครงการโรงไฟฟ้า Nam San 3A Power ไปหมาด ๆ และเทรนโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น่าจะรุ่งในอนาคตค่ะ

7.HANA (บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส) มาร์เกตแคป 29,982 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 34.50บาท ณ 17 ม.ค.63 ปิดที่37.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท หรือ 7.97% ตัวนี้เป็นตัวTOP ของกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้ประโยชน์จากการค้าโลกคลี่คลายเงินบาทเริ่มอ่อนค่า

8.TISCO (บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป) มาร์เกตแคป 82,066.18 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 99.25บาท ณ 17 ม.ค.63 ปิดที่ 102.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.25 บาท หรือ 3.27% ตัวนี้แม้กำไรออกมาต่ำกว่าคาด แต่ตัวเลขสำคัญทางการเงินอื่น ๆ ไม่ขี้เหร่มากนัก และปี 62 ก็ทำผลงาน (ราคา) ได้ไม่เลวเลยจาก 78.25 บาท กระโจนสู่ 99.25 บาท และทะลุ 100.00 บาทไปแล้ว

9.JAS (บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล) มาร์เกตแคป 42,283 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 5.00 บาท ณ 17 ม.ค.63 ปิดที่ 5.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ 3.00% แม้จะมีเรื่องราวของผู้บริหารที่ทำให้ดูหมองลงไปบ้าง แต่การไปจูปปากกับ DTAC และ MONO จะเสริมแกร่งได้และยังมีกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้า JASIF ทำให้หลายสำนักยังเชียร์ค่ะ

10.SAWAD (บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น) มาร์เกตแคป 94,205.43 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 68.50 บาท ณ 17 ม.ค. ปิดที่ 70.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 2.91% ตัวนี้ผลประกอบการปี 62 น่าจะโตต่อเนื่อง ปี 62 ที่ผ่านมา ดุดันเลยทีเดียวดันราคาจาก 45.00 บาท พุ่งไป 68.50 บาท ฟาดกำไรไป 23.50 บาท หรือ 52.22% เลยทีเดียวค่ะ

ส่วนที่เหลืออีก 9 ตัว ประกอบด้วย TPIPP (บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ ) , PSH (บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง) , SPALI (บมจ.ศุภาลัย) , TTW (บมจ.ทีทีดับบลิว) , KKP (บมจ.ธนาคารเกียรตินาคิน) , CBG (บมจ.คาราบาวกรุ๊ป) , QH (บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์) , PLANB (บมจ.แพลน บี มีเดีย) , CHG (บมจ. โรงพยาบาลจุฬารัตน์)

อย่างไรก็ตาม หุ้นเหล่านี้ พื้นฐานดี และบางตัวแกร่งมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และรักษาทรงมวยได้เป็นอย่างดี มีแววจะพุ่งต่อไป…วันนี้ไปล่ะค่ะ บ๊ายย

Facebook Comments