GULF

มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า วันนี้ต้องเม้าท์ เรื่องนี้ค่ะ GULF (บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์) เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากพาร์ 5 บาท เป็นพาร์ใหม่ 1 บาท ทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจากเดิม 2,133 ล้านหุ้น เป็น 10,666 ล้านหุ้น เพิ่มสภาพคล่องให้หุ้นมีผลตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. 2563 เป็นต้นไป ดันพาไปดู 7 เรื่องสนุก ๆ ของ GULF กันค่ะ

1.ราคาเด้งตั้งแต่เข้าตลาดฯ จนปัจจุบัน

GULF ถูกจับตาว่าเป็นหุ้น Growth Stock ของกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีความมั่นคง เข้าเทรดวันแรก 6 ธ.ค.2560 เปิดที่ 57.50 บาท (พุ่ง 27%) จาก IPO 45 บาท และปิดเทรดวันแรกที่ 53.75 บาท เพิ่มขึ้น 8.75 บาท (+19.44%) มูลค่าซื้อขาย 18,366.19 ล้านบาท และราคาขึ้นสูงสุด 59.50 บาท และราคาทำระดับต่ำสุด 52.25 บาท (ในวันแรกที่เทรด)

ในขณะนั้น (ปี 60) ราคา IPO 45 บาท มาจากกำไร 4 ไตรมาสล่าสุด (Q4/59 – Q3/60) เท่ากับ 2,329.48 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด 2,133.30 ล้านหุ้น จะได้กำไรต่อหุ้น 1.09 บาท ได้ P/E Ratio ประมาณ 41.21 เท่า เปรียบเทียบ P/E กลุ่มมีค่าเฉลี่ย 23.79 เท่า (GLOW /EGCO /RATCH /GPSC /BPP /WHAUP /BGRIM)

ปัจจุับันมีมาร์เกตแคป 373,328 ล้านบาท ค่า P/E 76.40 เท่า , ค่า P/BV 9.72 เท่า และเคยทำราคาจุดสูงสุดที่ 203 บาท

เทียบราคาปัจจุบัน ราคา IPO 45 บาท ขณะที่ราคาล่าสุด (14 เม.ย.63) 175.00 บาท เพิ่มขึ้น 130.00 บาท หรือ 288.88%

2.เหตุผลที่แตกพาร์

บริษัทที่แตกพาร์ส่วนใหญ่นั้น เล็งเห็นว่าราคาหุ้นขึ้นมาสูงแล้ว ทำให้สัดส่วนนักลงทุนรายย่อยมีโอกาสปรับลดลง ดังนั้นการแตกพาร์เพื่อดึงรายย่อย และทำให้สภาพคล่องหุ้นดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

“การแตกพาร์จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องของการซื้อขายหุ้นของบริษัทแก่นักลงทุน ขณะที่แผนธุรกิจปีนี้ยังคงดินหน้า ตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโต 10% จากงวดปี 2562 ที่ทำได้ราว 33,000 ล้านบาท พร้อมกลางปีนี้บริษัทเตรียมออกเสนอขายหุ้นกู้วงเงิน10,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปใช้ลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง” (คำกล่าวของ นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF)

ส่วนขาเม้าท์ แมงเม่าอาจบอกว่า “เหมือนกับหุ้นพี่บิ๊กๆ รายใหญ่ที่ไม่มีอะไรใหม่มาขายนักลงทุน หรือของที่มีขายก็เดิมๆ งั้นๆ ก็มักจะงัดท่าไม้ตาย หรือการแตกพาร์ ทำให้รายย่อยเข้าถึงง่าย ส่วนตัวเจ้าก็เล่นเกมราคา คุมต้นทุนได้ง่ายกว่าเดิม แต่บางรายบอกว่า GULF นั้นมีทั้งโครงการระยะกลาง ระยะยาว แถมรุกไปด้านสาธารณูปโภคอีกหลายตัว แต่กลับเลือกใช้วีธี แตกพาร์”

อิป้าหามาเล่า

3.สถิติก่อน-หลัง แตกพาร์

บล.เอเซียพลัส (ASPS) ระบุว่า หุ้นที่แตกพาร์ ราคาหุ้นมักจะตอบรับในเชิงบวกเสมอ โดยจากสถิติย้อนหลัง 10 ปี พบว่า หุ้นในดัชนี SET 100 ทั้งหมดที่มีการแตกพาร์ ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นมักตอบสนองเชิงบวกตั้งแต่วันที่ประกาศจนถึงวันแตกพาร์เสมอ ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยสูงถึง 14% และมีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกถึง 75%

สถิติหุ้นบลูชิพที่มีการแตกพาร์ในอดีต เช่น BANPU, CPN, PTT, BDMS และ AOT ให้ผลตอบแทนเป็นบวกตั้งแต่วันประกาศแตกพาร์จนถึงวันแตกพาร์ทุกบริษัทราว 29%, 17%, ,15% 11%และ 3% ตามลำดับ

-แต่สถิติในอดีตย้อนหลัง 10 ปี ราคาหุ้นใหญ่หลังแตกพาร์ มักปรับลงช่วงสัปดาห์แรกเฉลี่ย 1% และแม้ราคาหุ้นจะฟื้นตัวใน 2 สัปดาห์จากวันแตกพาร์ แต่โอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกไม่ถึง 40%

-นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ระบุว่า การแตกพาร์ไม่ได้ทำให้ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลง แต่จะเพิ่มแรงเก็งกำไรระยะสั้นกับหุ้นมากกว่า และมีประเด็นที่น่าสนใจก็คือ อาจมีหุ้นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่บางบริษัทฯมีโอกาสที่จะแตกพาร์เช่นเดียวกับ GULF หากราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นไป (GPSC พาร์ 10 บาท BGRIM พาร์ 2 บาท RATCH พาร์ 10 บาท และ EGCO พาร์ 10 บาท) (อ้างอิง share2trade)

4.เสี่ยกลางซื้อ-ขาย ฟันกำไรอื้อ

ก.ล.ต. เปิดเผยข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร ประจำวันที่ 12 มีนาคม 2563 นายสารัชถ์ซื้อหุ้น จำนวน 850,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 152.06 บาท เป็นเงิน 129.25 ล้านบาท และซื้อเพิ่มจำนวน 350,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 151.07 บาท เป็นเงิน 52.87 ล้านบาท เมื่อ 11 มีนาคม 2563 รวมมูลค่าการซื้อหุ้นครั้งนี้ 182.12 ล้านบาท

ต่อมา ก.ล.ตระบุนายสารัชถ์ แจ้งขายหุ้น GULF เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2563 จำนวน 1 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 156.17 บาท มูลค่า 156.17 ล้านบาท

ก.ล.ต. พบว่าในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ผู้บริหาร GULF ได้มีการทยอยขายหุ้นออกมา มูลค่ารวม 5.5 ล้านบาท มีจำนวนหุ้นที่ทำรายการ 29,000 หุ้น ประกอบด้วยนาง รวีพร คูหิรัญ กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ ทำรายการรวม 4,000 หุ้น โดยมีการทำรายการขาย 4 ครั้งในเดือนม.ค.2563 ในราคาตั้งแต่ 187-199.50 บาท คิดเป็นมูลค่ารายการรวม 0.76 ล้านบาท ทั้งนี้ภายหลังจากทำรายการยังถือครองหุ้นอยู่ 100,000 หุ้น

ขณะที่นายเกษม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา กรรมการอิสระ และประธานกรรมการตรวจสอบ ทำรายการเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2563 จำนวน 25,000 หุ้น ราคา 192 บาท คิดเป็นมูลค่ารายการรวม 4.8 ล้านบาท ทั้งนี้ภายหลังจากทำรายการยังถือครองหุ้นอยู่ 100,000 หุ้น

5.อาณาจักร GULF

GULF ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 กลุ่มบริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง (Installed Capacity) ของทั้งโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาทั้งหมดที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในปี 2567 รวม 11,910.4 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งตามสัดส่วนความเป็นเจ้าของของบริษัทฯ 6,905.8 เมกะวัตต์

โครงสร้างธุรกิจของบริษัทฯ มีทั้ง ธุรกิจผลิตพลังงานไฟฟ้า ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจก๊าซ ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค และโครงการระบบจำหน่ายกระแสไฟฟ้า และระบบผลิตน้ำเย็นแบบรวมศูนย์

สินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 เท่ากับ 134,277.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,608.9 ล้านบาท หรือ 8.6% จากวันที่ 31 ธันวาคม2561 โดยเกิดจากสินทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น ทั้งที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ ลูกหนี้การค้าที่เพิ่มขึ้น

ส่วนหนี้สินรวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 เท่ากับ 85,237.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,357.2 ล้านบาท หรือ 8.1% จากวันที่ 31 ธันวาคม 2561

6.เงินเดือน-ค่าตอบแทน ประธานบอร์ด-กรรมการ

ประธานกรรมการบริษัท (นายวิเศษ จูภิบาล) ได้ค่าตอบแทนรายเดือนเดือนละ100,000 บาท (12 เดือนก็ 1.2ล้านบาท) รวมกับโบนัสปี 62 (1.5ล้านบาท) รวมแล้ว 2.7 ล้านบาท

ในขณะที่กรรมการคนอื่นจะมีรายได้จากการเป็นคณะกรรมการบริษัท /และคณะกรรมการตรวจสอบ รวมโบนัสประจำปีเช่น นายเกษม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รวมค่าตอบแทบทั้งหมด 2,340,000 บาท /นายสมหมาย ภาษี รวมค่าตอบแทน 2,220,000 บาท / ดร.รวีพร คูหิรัญ รวมค่าตอบแทน 2,220,000 บาท / นายวินิจ แตงน้อย รวมค่าตอบแทน 2,220,000 บาท / นายสันติ บุญประคับ 1,980,000 บาท (ทั้งนี้จ่ายค่าตอบแทนและโบนัสเฉพาะกรรมการที่ไม่มีส่วนร่วมในการบริหารเท่านั้น)

7.GULF พา เสี่ยกลาง ทะยานสู่เบอร์1

การคำนวณความมั่งคั่งจากการถือหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 ปรากฏว่า เสี่ยกลาง ติดอันดับ 1 ทำเนียบมหาเศรษฐีตลาดหุ้น ด้วยเม็ดเงินจำนวน 120,960 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 63,315 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 109.84% แซงหน้าหมอเสริฐหล่นไปสู่อันดับ 2

จากข้อมูล Bloomberg Billionaires Index กลางปี 2562 เสี่ยกลาง ก้าวขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของประเทศไทย รองจากนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ด้วยทรัพย์สินจำนวน 1.99 แสนล้านบาท

ล่าสุด 3 เม.ย.2563 นิตยสารฟอร์บส์ ไทยแลนด์ ได้ประกาศอันดับ 50 อภิมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 63 เสี่ยกลางอยู่ในอันดับที่ 5 มูลค่าทรัพย์สิน 222,000 ล้านบาท

สุนันท์ ศรีจันทรา คอลัมนิสต์ หุ้นรายหนึ่งเคยเขียนไว้ว่า “การที่ GULF พุ่งทะยานขึ้น เพราะผลประกอบการมีความมั่นคง และเชื่อกันว่า แนวโน้มการเติบโตยังสดใส นักลงทุนจึงเข้ามาซื้อเก็บ แม้ว่าราคาขณะนี้จะเป็นราคาที่ซื้ออนาคต และเป็นราคาที่สูงเกินไป เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานก็ตามค่าพี/อี เรโช GULF พุ่งขึ้นไปประมาณ 80 เท่า ซึ่งถือว่าสูง เมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าด้วยกัน”

“แต่เพราะมีความเชื่อมั่นในเครือข่ายของนายสารัชถ์ ซึ่งจะทำให้มีโอกาสได้โครงการลงทุนใหม่ๆ มีช่องทางหารายได้เพิ่มขึ้น นักลงทุนจึงสู้ราคา GULF แม้จะมีคำเตือนจากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายโบรกเกอร์ให้ระวังความเสี่ยงก็ตาม” (อ้างอิง เว็บผู้จัดการ)

อย่างไรก็ตาม GULF เป็นหุ้นที่ได้รับความนิยม และจับตามาก ๆในช่วงที่ผ่านมา ต้องติดตามว่าหลังแตกพาร์แล้ว จะไปได้ไกลแค่ไหน วันนี้ไปล่ะค่ะ บ๊ายย

Facebook Comments