มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า ช่วงนี ตลาดทุนบ้านเราก็ยังคงสวิงสวายไปเรื่อย อาจได้แรงบวกจากปัจจัยภายนอกบ้าง (น้ำมันขึ้น-หุ้นสหรัฐบวก-เจรจาสงครามการค้า) อยู่บ้าง แต่ในเมื่อการเมืองยังไม่นิ่ง ไม่เคลียร์คัตชัดเจน หุ้นเลยไม่วิ่งอย่างที่ควรจะเป็น ฉะนั้นแล้ว “หุ้น Domestic Play ” จึงยังคงน่าสนใจค่ะ
หุ้น “Domestic Play” คือหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ คือกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง-วัสดุก่อสร้าง , กลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย, กลุ่มค้าปลีก-การท่องเที่ยว , กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม แต่ในไทมมิ่งนี้จนถึงก่อนการเลือกตั้ง กลุ่มรับเหมาน่า “ซื้ออนาคต” ค่ะ เพราะว่าหุ้นกลุ่มนี้ กับการเมืองนั้น มีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งภายใต้ระบบอุปถัมภ์ที่ยังดำรงคงอยู่
โดยประเด็น เลื่อน-ไม่เลื่อนการเลือกตั้งยังไม่ได้ข้อยุติ จึงทำราคาหุ้นของหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ยังไม่โดดเด่นนัก แต่เชื่อว่าถ้ามีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งลงมาเมื่อไหร่ ทางกรรมการ (กกต.) ก็จะกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจนได้ และจะทำให้หุ้นกลุ่มนี้ (ได้ประโยชน์จากโครงการต่างของภาครัฐ ) น่าจะได้รับอานิสงส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ค่ะ
ตัวแรก CK (บมจ.ช.การช่าง) เป็นผู้ประกอบการที่มีโอกาสมากที่สุด เพราะนอกจากเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่แล้ว ก็ยังเป็นผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ในการร่วมกิจการกับรัฐผ่านกลไกของบริษัทในเครืออย่างเช่น TTW , CKP และ BEM นอกจากนี้ยังมีความพร้อมทางการเงินอีกด้วย (อ้างอิง เทิดศักดิ ทวีธีระธรรม จากบล.เอเซียพลัส)
CK นั้นเป็นของตระกูล ตรีวิศวเวทย์ รู้กันดีว่า หนับหนุนพรรคสีฟ้ามาโดยตลอด แต่พ.ศ. นี้ น่าจะขยับอุดหนุนพรรรคกองหนุนลุงตู่ เพิ่มเข้าไปด้วย และนี้อาจเป็นปัจจัยหนุน (เล็กๆ??) ทำให้ CK ที่ร่วมกับกลุ่ม ซี.พี.คว้างานบิ๊กโปรเจค โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินไปได้
นอกจากรถไฟฟ้าใต้ดินและลอยฟ้าสารพัดสีที่บันทึกไว้ในบัญชี นักวิเคราะห์ประเมินงานในมือของ ช.การช่าง จะแตะที่ 115,000 ล้านบาท สามารถรับรู้ได้อีก 4 ปี เฉลี่ยปีละ 3-4 หมื่นล้านบาท ขณะที่งานใหม่ในปีนี้คาดว่า จะมีส่วนแบ่งจากงานที่ออกประมูลไม่น้อยกว่า 20-25%….(อ้างอิง เว็บประชาชาติ)
ขณะที่ ราคาช่วงสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 25.00 บาท 28 ธ.ค.61 พอขึ้นปีใหม่ 2562 ราคาทรงๆ ลงวัน ขึ้นวัน ล่าสุดปิด 24.90 บาท ณ วันที่ 10 ม.ค.62
ตัวที่ 2 ITD (บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์) ของเสี่ยเปรมชัย แทงหวยไม่พลาดค่ะ เลือกข้างกลุ่ม ซี.พี. ที่เพิ่งสอยงานรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่า 2.24 แสนล้านบาท แถมยังมีงานใหญ่ๆ อีกอื้อไม่ว่าจะเป็นโครงการวัน แบงค็อก ก่อสร้างส่วนใต้ดิน 8,250 ล้านบาท (ล่าสุด) รวมไปถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฝั่งตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) และยังมี โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (เหนือ) ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต (หมอชิต-คูคต) , งานจ้างก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินในโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2
ITD นั้นแต่เดิม รักกับค่ายสีฟ้า แต่ต่อมา สัมพันธ์ดีกับก๊วนเพื่อไทย…ขณะที่ราคาช่วงสิ้นปี 2561อยู่ ที่ 2.14 บาท ณ วันที่ 28 ธ.ค.61 พอขึ้นปีใหม่ 62 ราคาทรงๆไม่หวือหวามากนักล่าสุดปิด 2.22 บาท ณ วันที่10 ม.ค.62
ตัวที่ 3 STEC (บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น) นั้นมีงานล้นหน้าตัก ทั้งรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองที่นอกจากจะลงแรงยังร่วมลงขันกับ บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี รวมถึงสายสีเขียว รถไฟทางคู่ และสายสีส้มที่ผนึกกับ ช.การช่างคว้างานก่อสร้าง 3 สัญญา วงเงิน 46,971 ล้านบาท (อ้างอิง เว็บประชาชาติ)
ถ้ามองในมิติการเมืองแล้ว STEC โด่นเด่นมากจากตัวเสี่ยหนู -อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ฉลาดเลือกในการวางตัวเป็นขั้วกลาง สามารถเชื่อมได้กับทุกกลุ่มก้อน แต่ดูทรงแล้วอาจจะมีใจให้พรรคกองหนุนลุงตู่ไม่น้อย ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า ก่อนสิ้นรัฐบาลทหารชุดนี้ น่าจะได้งานอีกพอสมควรเลยค่ะ
ขณะที่ราคา ช่วงสิ้นปี 61อยู่ที่ 20.40 บาท (28 ธ.ค.61) พอขึ้นปีใหม่ 62 ราคาบวกมา 5 วันติด จากนั้นดิ่งรูดมา 3 วันติดสุดปิด 20.90 บาท (10 ม.ค.62)
ตัวที่ 4 UNIQ (บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น) ปี 61 บริษัทมีรายได้ 12,000 – 13,000 ล้านบาท กำไร 6-7% มีงานในมือประมาณ 30,000 ล้านบาท ส่วนในปี 62 สนใจจะเข้าร่วมประมูลงานเช่น สายสีม่วงใต้ สีส้มตะวันตก ทางคู่เฟส 2 ทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตก ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ท่าเรือมาบตาพุด สนามบินอู่ตะเภา (อ้างอิง เว็บประชาชาติ)
UNIQ นั้นรักกันดีกับ STEC (พรรคภูมิใจไทย) ขณะที่ราคาช่วงสิ้นปี 61อยู่ที่ 9.60 บาท (28 ธ.ค.61) พอขึ้นปีใหม่ 62 ลบติดกัน 2 วัน แล้วบวกติดกัน 3 วัน แล้วยวบลง 3 วันติด ล่าสุดปิด 9.50 บาท(10 ม.ค.62)
อย่างไรก็ตาม ถ้าวันข้างหน้า การเมืองนิ่งเมื่อไร ภาพรวมของตลาดหุ้นน่าจะขยับได้บ้างค่ะ วันนี้ไปละ บ๊ายย
