หมอเสริฐ

มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า ข่าวเจ้าสัววิชัย สะเทือนไปทั่วโลก และถ้าโฟกัสไปที่ธุรกิจหลักอย่างดิวตี้ฟรี้ ที่ KING POWER ครองมายาวนาน จะหมดอายุสัมปทานกับ AOT ในปี 63 โดยมีผู้ท้าชิงที่เงินหนาฝุดๆ อย่าง หมอเสริฐ – ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ จ่อโดดเข้ารวมวง จึงทำให้อิป้าต้องมาเหลาเรื่องหมอเสริฐกันอีกรอบค่ะ

กล่าวคือ นายพุฒิพงศ์ (ลูกชาย หมอเสริฐ) บิ๊กบอส บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) เคยระบุว่า เตรียมดึงพันธมิตรต่างชาติ ร่วมลุยธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีเต็มตัวจ่อเข้าร่วมหาก AOT เปิดประมูลพื้นที่ดิวตี้ฟรีภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิใหม่ หลังสัมปทานเดิมจะหมดสัญญาในเดือนกันยายน 2563 (อ้างอิงเว็บPPTV -25 ก.ค. 61)

ฉะนั้นแล้ว งานนี้ถือเป็นมวยรุ่นใหญ่ เพราะแต่ละค่ายนั้น บิ๊กๆๆ จิงๆ ค่ะ ก่อนหน้านี้อิป้าเคยพาไปส่องพอร์ตหุ้น “หมอเสริฐ” กันมาแล้วรอบหนึ่งเมื่อเดือน ส.ค. 61 แค่คราวนี้จะพาไปซอกแซกของทั้งตระกูล “ปราสาททองโอสถ” กันเลยค่ะ เพราะตระกูลนี้ น่าจะถือสินทรัพย์ในหุ้นมีมูลค่าสูงที่สุดในปัจจุบันนี้นะคะ (28 ต.ค.61)

ธุรกิจหลักๆ ของ ตระกูล “ปราสาททองโอสถ” คือ โรงพยาบาล (กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลบี เอ็น เอช กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท ฯลฯ) สายการบิน (บางกอกแอร์เวย์) สนามบิน (เกาะสมุย, สัตหีบ ,หลวงพระบาง) สื่อ – PPTV และยังมีธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกมาก

โดย ตระกูล “ปราสาททองโอสถ” มีหุ้นรวมกันมูลค่าประมาณ 99,564,336,145 บาท (อ้างอิงเว็บจัดอันดับ ณ วันที่ 28 ต.ค.61) มีทั้งหมด 4 ตัว คือ BA (บมจ. การบินกรุงเทพ) , BDMS (บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ) , NTV (บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช) และ SPF (กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย)

โดยแยกเป็น “หมอเสริฐ” ถือ 4 ตัว คือ BDMS มูลค่า 71,471,982,738 บาท , BA มูลค่า 2,584,219,000 บาท , SPF มูลค่า 266,864,220 บาท , และ NTV มูลค่า72,649,500 บาท รวม 4 ตัว มูลค่า 74,395,715,458 บาท

คนต่อมา หมอปุย – พ.ญ.ปรมาภรณ์ (ลูกสาว) ถือ 2 ตัว คือ BDMS มูลค่า 13,793,408,967 บาท และ BA มูลค่า 1,580,500,000 บาท รวม 2 ตัว 15,373,908,967 บาท คนต่อมา พุฒิพงศ์ (ลูกชาย) ถือ ตัวเดียว BA มูลค่า 6,071,299,640 บาท คนต่อมา นางอาริญา (ลูกสาว) ถือตัวเดียว BA มูลค่า 2,823,914,440 บาท , และคนสุดท้าย น.ส. สมฤทัย (ลูกสาว) ถือ BA มูลค่า 899,497,640 บาท

สำหรับตัว “หมอเสริฐ” นั้นจัดเป็นบุคคลมือทองสมองเพชร เป็นหมอผ่าตัดฝีมือเยี่ยมของประเทศ มาจับธุรกิจตัวไหนมักจะรุ่งตลอดและในเรื่องทรัพย์สินในหุ้นนั้น เติบโตแบบน่าอิจ มากๆๆๆค่ะ

ปี 56 ตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยเปลี่ยนมือ จาก “ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์” บิ๊กพฤกษา (PS) มาเป็น “หมอเสริฐ” โดยมีมูลค่าหุ้นรวม 36,596 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้นจากปี55 เป็นเงิน 15,472 ล้านบาท หรือ 73.25%

ปี 57 หมอเสริฐ ยังถือครองหุ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 รวมมูลค่า 57,909.48 ล้านบาท รวยขึ้น 21,313.28 ล้านบาท หรือ 58.24%

ปี58 ครองแชมป์เศรษฐีหุ้นเป็นปีที่ 3 ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 62,365.18 ล้านบาท รวยขึ้น 4,455.70 ล้านบาท หรือ 7.69% ขณะเดียวกันตระกูลปราสาททองโอสถ เป็นแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยเป็นครั้งแรก 88,086.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 57 ถึง 22,771.37 ล้านบาท หรือ 34.86%

ปี 59 หมอเสริฐ ถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 1 รวม 67,244.71 ล้านบาท รวยขึ้น 4,879.52 ล้านบาท หรือ7.82% ตระกูลปราสาททองโอสถ ยังรักษาแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทย ปีที่ 2 มูลค่าสูงถึง 107,918.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 58 จำนวน 19,831.76 ล้านบาท หรือ 22.51%

และ ปี 60 หมอเสริฐ ถือครองหุ้นมูลค่า รวม 63,527.30 ล้านบาท ลดลง 3,717.41 ล้านบาท หรือ 5.53% ขณะที่ตระกูลปราสาททองโอสถ ครองแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยได้เป็นปีที่ 3 มูลค่า 96,299.28 ล้านบาท

ภาวะเงินดีดเด้งของตระกูล “ปราสาททองโอสถ” นั้นหลักๆ มาจากการนำ BA (บมจ.การบินกรุงเทพ) เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ฯ (พ.ย. 57) นอกจากนี้ยังมาจากการเข้าไปถือหุ้นใน BDMS (บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ) และNTV (บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช) ทำให้หมอเสริฐ ภรรยาและลูก4 คน มีความมั่งคั่งสูงลิ่ว เลยละคะ(อ้างอิง เว็บ thaipublica 10 ธ.ค. 57)

ต้องจับตาดูว่า KING POWER ในวันที่ไม่มีเจ้าสัววิชัย จะต่อกรกับตระกูล “หมอเสริฐ” ในศึกชิงดิวตี้ฟรีได้อย่างไร?…ไปละบ๊ายยย

———————————-

ติดตามที่ :

#หุ้น #กองทุนรวม #fund #set #Mutualfund #epahamalao #อิป้าหามาเล่า #ตลาดหุ้น #ตลาดหุ้นไทย #mai #ลงทุน #ออมเงิน

Facebook Comments