หุ้น

มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า วันนี้ขอเหลาเรื่อง หุ้น กลุ่มแบงก์ หน่อยนะค่ะ ไม่ใช่ไรหรอก เพราะช่วงๆกลางเดือนก.ค. นี้ บรรดา 11 แบงก์ จะทยอยโชว์ ผลประกอบการ ไตรมาส 2(Q2)ว่าเริ่ดหรู ดูแพง ได้มากขนาดไหนนะค่ะ แต่เกจิทุกสำนักคาด(เดา)คล้ายๆกันว่า ภาพรวมแล้ว หุ้นกลุ่มแบงก์ ไม่สดใสเท่าไรนัก แต่มีเหตุ มีปัจจัยอธิบายได้ค่ะ

ก่อนอื่นจะ เม้าให้ฟังก่อนนะค่ะ ว่า หุ้นกลุ่มแบงค์ นั้นสำคัญกับตลาด(SET) มากค่ะ เพราะเป็นหุ้นกลุ่มบิ๊กแคป (กลุ่มพลังงาน-สื่อสาร) สามารถให้คุณ ให้โทษกับภาพรวมของ SET ได้ ดังนั้นจึงถูกจับตาเป็นพิเศษค่ะ

หุ้นกลุ่มแบงค์ นั้น ถูกมองว่า ผลงานใน Q2 /61 นั้น ส่วนใหญ่จะต่ำ(หดตัว)กว่า Q 1/61 แต่เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ( Q2 /60) จะสูงกว่า ประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท ซึ่ง การที่ผลประกอบการหดตัวนั้น มาจากปัจจัยหลักๆ คือรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง(ค่าFEE) และแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อาจจะสูงขึ้น

รวมไปถึงต้นทุนองค์กรที่สูงขึ้น จากการมุ่งพัฒนาเทคโนโลยี ไปสู่ดิจิตอลแบงค์กิ้ง และยังมีมาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS 9 ที่อาจส่งผลกระทบต่อการธุรกิจสินเชื่อ เมื่อมีการบังคับใช้ นั้นเองค่ะ

ซึ่งแน่นอนว่า แบงก์ใหญ่ย่อยถูกกระทบมากกว่าแบงก์เล็ก ซึ่งเป็นไปตามสัดส่วนของต้นทุนต่างๆ รวมไปถึง ความหวือหวาจาก fund flow กระแสเทจากพี่หรั่ง ก็จะน้อยกว่า แบงค์ใหญ่ๆ จึงน่าจะปลอดภัยจากแรงขายของทั้งสถาบันและพี่หรั่ง ฉะนั้น TISCO (ทิสโก้) และ KKP (เกียรตินาคิน ) จึงน่าจะเนื้อหอม แถมยั่วยวนด้วยเงินปันผลสูง (KKP -7.30 / TISCO 5.97)

ส่วน 5 อรหันต์ KBANK (กสิกรไทย-มาร์เก็ตแคป 471,472.26) SCB (ไทยพาณิชย์ 424,428.49 ล้านบาท) BBL (กรุงเทพ 376,042.05ล้านบาท) BAY (กรุงศรีฯ 286,874.71ล้านบาท )KTB (กรุงไทย -241,785.86ล้านบาท ) น่าจะเหนื่อยกว่าเพื่อน โดยเฉพาะ SCB ออกตัวแรงก่อนใคร ที่ถูกคาดว่าจะเจ็บหนักกว่าเพื่อน

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มแบงค์ นั้น ตามตำราแล้ว มักจะได้ประโยชน์จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย การลงทุน การบริโภคที่คาดว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้้งจากบิ๊กโปรเจคของรัฐบาล โดยเฉพาะ EEC ส่งผลให้เกิดความต้องการสินเชื่อเพื่อการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ อย่างกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ รวมไปถึงได้อานิสงส์จากเทรน ดอกเบี้ยขาขึ้นอีกด้วยค่ะ

ดังนั้น แม้ ผลงานใน Q2 นั้นอาจจะไม่แฮปปี้เท่าไร แต่ลากไปถึง Q3 – Q 4 น่าจะขยับปรับเพิ่มได้ และถ้าเมื่อประกาศออกมาแล้ว ตัวเลขดูดี กว่าที่่ประมาณการไว้ (ประมาณไว้ต่ำอยู่แล้ว) ก็อาจส่งผลทางจิตวิทยา บวกกับประเด็นเลือกตั้งน่าจะชัดในเดือนก.ย. จะมีแรงหนุนขึ้น ยิ่งทั้งQ 4 รายได้ค่าฟีจะกลับมาฟื้นอีกครั้ง เพราะเป็นช่วงขายประกันผ่านธนาคาร ขายกองทุน และสินเชื่อรายย่อยต่าง ๆ

นอกจากนี้แล้วยังมีนักสถิติ ไปย้อน ข้อมูล Q3 ในรอบ 10 ปี พบว่า ส่วนใหญ่ จะฟื้นมากกว่าฟุบ …ดังนั้นด้วยปัจจัยเหล่านี้ หุ้นกลุ่มแบงค์ ที่มีมาร์เก็ตแคปมาก จะถูกนำเข้าไปคำนวณใน SET ด้วย และเมื่อวันที่ หุ้นกลุ่มนี้กลับมาผงาด จึงจะช่วยพยุง SET มีความหวัง โงหัวขึ้นมาได้ นั้นเอง ค่ะ

แต่ยังมีปัจจัยลบ คุกคามต่อเนื่อง ทั้งสงครามการค้า-เฟดขึ้นดอกเบี้ย- fund flow ไหลยังไม่หยุด อาจจะส่งผลให้ไม่ดีดกลับมามากนัก แต่ถ้าถือยาวแล้ว หุ้นกลุ่มแบงค์ ยังน่าสนใจค่ะ…ไปละ บ๊ายย

——————————-

ติดตามที่ :

#หุ้น #กองทุนรวม #fund #set #Mutualfund #epahamalao #อิป้าหามาเล่า #ตลาดหุ้น #ตลาดหุ้นไทย #mai #ลงทุน #ออมเงิน

Facebook Comments