หุ้น

มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า ในช่วงความผันผวนมากมายของปู่ SET ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่ใช้สำหรับคำนวณดัชนี SET50 ดัชนี SET100 ดัชนี sSET ดัชนี SETCLMV ดัชนี SETHD และดัชนี SETTHSI ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 62 (1 ม.ค.-30 มิ.ย.) เหมือนกับ “คัดกรอง” หุ้น มีเกรดมาให้นักลงทุนลองพิจารณาดูค่ะ

ไปส่องเฉพาะในดัชนี SET50 -SET100 โดย SET50 เข้าใหม่ 2 ตัว GULF และ WHA ส่วน SET100 มีเข้าใหม่ 6 ตัวคือ AEONTS , ANAN , GOLD, GULF, MBK และ PLANB

ฉะนั้นแล้วจากข้อมูลนี้ บ่งชี้ว่า หุ้น 7 ตัว ที่เข้าใหม่ใน SET50 -SET100 จึงน่าจะผ่านการคัดสรรมาในระดับหนึ่งแล้วว่า “มีของ” ส่วนจะไปได้ไกลแค่ไหน ต้องพิจารณาให้รอบคอบคะ

ตัวที่ 1 GULF (บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์) มาร์เกตแคป 162,664.12 ล้านบาท ถือหุ้นใหญ่ โดย เสี่ยกลาง- นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ( P/E 47.06 ,P/BV 4.49 , เงินปันผล 0.52%) ส่วนราคาต้นเดือนพ.ย.61 อยู่ที่ 77.75 บาท

และขึ้นไปถึง 78.50 บาท (8 พ.ย.61) แล้วหล่นวูบไป 71.75 บาท (22 พ.ย.61) จากนั้นเคลื่อนไหวในกรอบ 75-76-76.75 บาท และล่าสุด ปิดที่ 77 บาท หรือ +0.98% (18ธ.ค.61)

โดย GULF นั้นจัดเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงแซงทางโค้ง และการเข้า SET50 นั้นเป็นไปตามคาดค่ะ จากผลงานการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้า GSRC มูลค่า 51,000 ล้านบาท

ตัวที่ 2 WHA (บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น) มาร์เกตแคป 59,630.55 ล้านบาท ถือหุ้นใหญ่ โดยบริษัท ดับบลิวเอชเอ โฮลดิ้ง จำกัด (P/E 18.91 , P/BV 2.33 , เงินปันผล 3.35%) ส่วนราคาต้นเดือนพ.ย.61 อยู่ที่ 4.22 บาท

จากนั้นเคยหล่นไปที่ 4.02 บาท (20 พ.ย.61) พอเดือนธ.ค. พุ่งไปถึง 4.30 บาท (7ธ.ค.61) และล่าสุดปิดที่ 4.18 บาท หรือ +0.48% (18ธ.ค.61)

โดย WHA จัดเป็นหุ้นยอดฮิตในหมวดนิคมอุตสาหกรรม 9 เดือนแรกที่ผ่านมา ทำยอดโอนได้แล้วกว่า 230 ไร่ และอยู่ระหว่างการเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินอีกกว่า 800 ไร่ในช่วงที่เหลือของปีนี้

ตัวที่ 3 AEONTS (บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์)) มาร์เกตแคป 43,750.00 ล้านบาท ถือหุ้นใหญ่ AEON FINANCIAL SERVICE CO.,LTD (P/E 12.62 ,P/BV 2.58 ,เงินปันผล2.20 %) ส่วนราคาต้นเดือนพ.ย.61อยู่ที่ 195.50 บาท

วันต่อมาพุ่งไป 203.00 บาท (2 พ.ย.61) จากนั้นลงมาเหลือ 183.50 บาท (20 พ.ย.61) และหล่นลงไปอยู่ที่ 175.00 บาท (17 ธ.ค.61) ล่าสุดปิด 175.50 หรือ +0.29% (18ธ.ค.61)

โดย AEONTS เป็น 1 ในหุ้นที่วิ่งแรงสวนตลาดฯ โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 82.61% จากระดับ 103.50 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 189.00 บาท (30 พ.ย.61) (อ้างอิงเว็บข่าวหุ้น 18 ธ.ค.61)

ตัวที่ 4 ANAN (บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์) มาร์เกตแคป 12,265.44 ล้านบาท ถือหุ้นใหญ่ นายชานนท์ เรืองกฤตยา (P/E 4.95 , P/BV 0.83 , เงินปันผล 3.46%)

ส่วนราคาต้นเดือนพ.ย.61อยู่ที่ 4.56 บาท และเคยหล่นเตี้ยไปถึง 3.88 บาท (15 พ.ย.61) และขยับมา 4.00 บาท สิ้น พ.ย. จากนั้นทรุด ๆทรง ๆ จนล่าสุด เหลือ 3.50 บาท หรือ -4.89% (18ธ.ค.61)

โดย ANAN แม้จะเลือกพัฒนาโครงการในเส้นรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ และขายโครงการได้อย่างต่อเนื่อง และน่าจะกังวลเรื่องขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ทำราคาวูบไปบ้างค่ะ

ตัวที่ 5 GOLD (บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์) มาร์เกตแคป 17,776.46 ล้านบาท ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด (P/E 8.43 ,P/BV 1.10 , เงินปันผล 6.01% )

ส่วนราคาต้นเดือนพ.ย.61อยู่ที่ 9.30 บาท แล้วหล่นฮวบไป 7.85 บาท (20 พ.ย.61) และ 7.65 บาท (17ธ.ค.61) ล่าสุดปิดบวกที่ 7.75 บาท หรือ +1.31%(18 ธ.ค. 61)

โดยตัวนี้โบรคหลายเจ้าเชียร์หนักมากค่ะ อาจเชื่อในแบ็คอัพเงินหนาปึกของกลุ่มตระกูลสิริวัฒนภักดี ที่ถือหุ้นใหญ่ค่ะ

ตัวที่ 6 MBK (บมจ.เอ็ม บี เค) มาร์เกตแคป 36,271.35 ล้านบาท ถือหุ้นใหญ่ บมจ.ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี (P/E 12.01 , P/BV 1.57 , เงินปันผล 3.30%)

ส่วนราคาต้นเดือน พ.ย.61อยู่ที่ 24.30 บาท เดือนพ.ย.ยังประคองไม่หลุด 23 บาท พอขึ้นธ.ค. หลุดไป 22 บาท และหล่นไปที่ 21.40 บาท (17ธ.ค.61) ล่าสุดปิดลบที่ 20.40 บาท หรือ -4.67% (18 ธ.ค.61)

ตัวที่ 7 PLANB (บมจ.แพลน บี มีเดีย) มาร์เกตแคป 21,001.16 ล้านบาท ถือหุ้นใหญ่ นายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ (P/E 37.62 ,P/BV 5.41 , เงินปันผล0.76%)

ส่วนราคาต้นเดือนพ.ย.61อยู่ที่ 6.45 บาท จากนั้นเคยหล่นถึง 6.10 บาท (20 พ.ย.61) และมาวูบหนัก 5.95 บาท (17ธ.ค.61) และล่าสุดราคาล่าสุด 5.80 บาท หรือ -2.52% (18ธ.ค.61)

โดย PLANB จัดเป็นหุ้นฮอตในกลุ่มสื่อมาอย่างต่อเนื่อง และถูกคาดหมายว่าใกล้เลือกตั้งน่าจะรับอานิสงส์ได้ไม่มากก็น้อยค่ะ

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 7 ตัวนี้ ถือเป็นหุ้นที่พื้นฐานดี ถ้ามองยาวๆ แล้วน่าจะมีอนาคต ลงทุนอย่างมีสตินะคะ ไปละบ๊ายย

Facebook Comments