มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า หลังจากผลิตชุด series เศรษฐีหุ้นหมวดอาชีพ หมอ-วิศวะ-เศรษฐศาสตร์-รัฐศาสตร์ ไปแล้ว คราวนี้ถึงคิว “นักบัญชี” ไปดูโปรไฟล์ของแต่ละคนกันเลยค่ะ ไม่ธรรมดาจริงๆ

1.นางสาวธิดา แก้วบุตตา (1.3 หมื่นล้านบาท) อายุ 37 ปี ปริญญาตรี พาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโทบริหารธุรกิจ วาเซดะ ประเทศญี่ปุ่น บุตรสาวของนายฉัตรชัย-จริยา แก้วบุตตา ซึ่งฉัตรชัย ติดอันดับ 50 มหาเศรษฐีเมืองไทย มีทรัพย์สิน 1 พันล้านเหรียญฯ หรือ 3.19 หมื่นล้านบาท (อ้างอิงhttps://forbesthailand.com)

ธิดา ผู้ถือหุ้นใหญ่สุดถือ SAWAD (บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น) 242,144,612 หุ้น มูลค่า 13,378,489,813 บาท (ราคา ณ 13 ก.ย.62) ขณะนี้คนในครอบครัว แก้วบุตตา (2 คน) ถือ SAWAD และ SCN (บมจ.สแกน อินเตอร์) ขณะที่ราคาหุ้น SAWAD สิ้นปี 61 ปิดที่ 45.00 บาท ล่าสุด (ราคา ณ 13 ก.ย.62) ปิดที่ 55.25 บาท เพิ่มขึ้น 10.25 บาท หรือ 22.77%

2.ปริญญา เธียรวร (1.3 หมื่นล้านบาท) พาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขาเป็นประธานกรรมการ บริษัท วี.เอ็ม.พี.ซี. จำกัด ก้าวจากธุรกิจอพาร์ตเมนต์ โรงแรมและคอนโดฯ ให้เช่าเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเป็นนักลงทุนตังยงตามรอยพ่อมิน เธียรวร คนสนิทเจ้าสัวซีพี ผู้Low profile แต่ High profit

ปริญญา สมรสกับอารียา ลูกสาวของนายอธึก อัศวานันท์ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายกลุ่มบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ฉะนั้นแล้วครอบครัว เธียรวร จึงพันผูกกับครอบครัว “เจียรวนนท์” อย่างแนบแน่นค่ะ

ปริญญา ถืออยู่ 8 ตัว BGC (บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส) , CPALL (บมจ.ซีพี ออลล์) , CPF (บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร) , DRT (บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร) , MAKRO (บมจ.สยามแม็คโคร) , MBK (บมจ.เอ็ม บี เค) , QH (บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์) , TCAP (บมจ.ทุนธนชาต) รวมแล้วพอร์ต ของศิษญ์เก่าบัญชีคนนี้มูลค่า 13,031,540,000 บาท

3.วิชา พูลวรลักษณ์ (6 พันล้านบาท) อายุ 56 ปี ปริญญาตรีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท MBA Finance จาก Sandiago University, USA (อ้างอิง hellomagazine.com) นักบริหารธุรกิจโรงภาพยนตร์ชื่อดัง ในนาม “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” ในฐานะผู้บุกเบิก สร้างเมืองหนังขึ้นเป็นครั้งแรกของเมืองไทย เข้า SET เมื่อ 23 พ.ค.2545

นายวิชา เป็นประธานกรรมการบริหาร/กรรมการและ ผู้ถือหุ้นใหญ่สุด MAJOR (บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป) 265,040,100 หุ้น หรือ 29.62% มูลค่า 6,626,002,500 บาท (ราคา ณ 13 ก.ย.62) ซึ่งในตระกูล พูลวรลักษณ์ (14 คน ) ถือหุ้นอยู่ 5 ตัว คือ MAJOR (มจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป) , MJD (บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์) , MONO (บมจ.โมโน เทคโนโลยี) , POLAR (บมจ.โพลาริส แคปปิตัล) , SSTRT (ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทรัพย์ศรีไทย) , VRANDA (บมจ.วีรันดา รีสอร์ท) ขณะที่ราคาหุ้น MAJOR สิ้นปี 61 ปิดที่ 20.60 บาท (ราคา ณ 13 ก.ย.62) ปิดที่ 25.00 บาท ปรับ 4.40 บาท หรือ 21.35%

4.พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ (5 พันล้านบาท) ปริญญาตรี พาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “กัปตันเต๋” ลูกชายสุดเลิฟของหมอเสริฐ (ราชาหุ้นอันดับ 2 เมืองไทย) จบบัญชีมาแต่เริ่มงานของกงสี ด้านโรงแรมที่สมุยปาล์มบีช ก่อนจะย้ายมาบริหารงานที่สนามบินสมุย และปัจจุบันเป็นประธานคณะผู้บริหาร/รองประธานกรรมการและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดใน BA (บมจ.การบินกรุงเทพ ) สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เขาถือ 523,387,900 หุ้น หรือ 24.92% มูลค่า 5,024,523,840 บาท (ราคา ณ 13 ก.ย.62)

โดยมีคนนามสกุล “ปราสาททองโอสถ” ถือหุ้น 6 ตัว BA (บมจ.การบินกรุงเทพ) , BDMS (บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ) , FSS (หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส) , NTV (บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช) , PPM (บมจ.พรพรหมเม็ททอล) , QTC (บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่) ขณะที่ราคาหุ้น BA สิ้นปี 61 ปิดที่ 11.60 บาท (ราคา ณ 13 ก.ย.62) ปิดที่ 9.60 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ -17.24%

5.นางอารดา จรูญเอก (3.7 พันล้านบาท) วัย 43 กระรัต ปริญญาตรีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และร่วมกับคู่ชีวิต พีระพงศ์ หลุกปั้น ออริจิ้น มาตั้งแต่ปี 2552 และดันเข้า SET เมื่อ 7 ต.ค.58

อารดา เป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 2 ใน ORI (บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้) เฉพาะนางอารดา ถือ ORI 449,806,356 หุ้น 18.37% มูลค่า 3,733,392,754 บาท (ราคา ณ 13 ก.ย.62) ส่วนคนในครอบครัวสามีพีระพงศ์ จรูญเอก และลูกอีก 2 คนถือ ORI รวม 795246313 หุ้น หรือ 36.62% และถ้ารวมทั้งครอบครัว จรูญเอก ถือ 1,245,052,669 หุ้น หรือ 54.99% มูลค่า 10,333,937,152 บาท ขณะที่ราคาหุ้น สิ้นปี 61 ปิดที่ 6.60 บาท (ราคา ณ 13 ก.ย.62) ปิดที่ 8.30 บาท ปรับเพิ่ม 1.70 บาท หรือ 25.75%

6.สุนทร เด่นธรรม (2.2 พันล้านบาท) วัย 62 ปี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสอบเป็นผู้ตรวจบัญชีจนเข้าเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมก่อตั้งธุรกิจรับจ้างบริหารระบบธุรกิจ ที่ดูเรื่องเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงของระบบทั้งหมดกับบริษัท ไพรซ์วอเทอร์เฮาส์คูเปอส์ (PwC) และเมื่อ 15 ปีก่อนทำคลอด HUMAN (บมจ.ฮิวแมนิก้า) จนมาเข้า SET ในปี 60

ปัจจุบันเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร/รองประธานกรรมการ และ ผู้ถือหุ้นใหญ่ HUMAN (บมจ.ฮิวแมนิก้า) มาร์กตแคป 5,780.00 ล้านบาท ทำธุรกิจเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่ายและให้บริการติดตั้งซอฟต์แวร์ระบบบริหารงานทรัพยากรบุคคลและทรัพยากรองค์กร รวมทั้งให้บริการจัดทำเงินเดือนและจัดทำบัญชี โดยเขาถือ 260,277,200 หุ้น 38.28% มูลค่า 2,225,370,060 บาท ขณะที่ราคาหุ้น สิ้นปี 61 ปิดที่ 9.30 บาท (ราคา ณ 13 ก.ย.62) ปิดที่ 8.55 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ -8.06%

7.วิศิษฎ์ เลาหพูนรังษี (2พันล้านบาท) ธรรมศาสตร์เอกบัญชี ทั้งปริญญาตรีและโท ก่อนเป็นบิ๊กบอส “ผมเริ่มต้นงานเป็นมืออาชีพระดับลูกจ้าง ที่อาร์เธอร์ แอนเดอร์เซน แอลแอลพี บริษัทบัญชียักษ์ใหญ่ของโลกที่ตอนนี้ปิดตัวไปแล้ว จากนั้นทำงานด้านไฟแนนซ์ ที่โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งเป็นบริษัทระดับมหาชน ผมได้ทำงานในมุมของลูกจ้างมาก่อน”(อ้างอิง https://www.posttoday.com 3 ม.ค.61)

ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการ/กรรมการผู้จัดการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ A (บมจ.อารียา พรอพเพอร์ตี้) ถือ 320,897,000 หุ้น หรือ 32.74% มูลค่า 2,005,606,250 บาท (ราคา 6.25 บาท ณ 13 ก.ย.62) ส่วน นายวิวัฒน์ เลาหพูนรังษี ถือ A (บมจ.อารียา พรอพเพอร์ตี้) 132,031,096 หุ้น 13.47% มูลค่า 825,194,350 บาท (ราคา 6.25 บาท ณ 13 ก.ย.62) รวม 2 คน ในตระกูล เลาหพูนรังษี ถือครองหุ้นมูลค่า 2,830,800,600 บาท ขณะที่ราคาหุ้น สิ้นปี 61 ปิดที่ 6.65 บาท (ราคา ณ 13 ก.ย.62) ปิดที่ 6.25 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ -6.01%

อย่างไรก็ตาม ยังมีคนจบบัญชี และเป็นเศรษฐีหุ้นอีกหลายคนนะคะ ไว้จะสืบค้นมานำเสนอใหม่นะคะ วันนี้ไปล่ะค่ะ บ๊ายย

Facebook Comments