อดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล

มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า หลังจากสัปดาห์ที่แล้วอิป้านำเสนอหุ้นกลุ่มที่คาดว่าน่าจะไปได้สวย หลังวิกฤติโควิด-19 หลังจากนี้ 1 -2 ปี ไปแล้ว วันนี้เราลองมาดูกันว่า หุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะแป๊ก ไม่ควรจะเข้าไปลงทุนนั้นมีอะไรบ้าง โดย “คุณแบงก์ – อดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ (FVP) Product Management Department บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ได้ให้สัมภาษณ์กับอิป้าหามาเล่าไว้ว่า หลังจากโควิด-19 เป็นกลุ่มที่ต้องระวัง 3 กลุ่ม ซึ่งได้แก่

1.กลุ่มสถาบันการเงิน ซึ่งช่วงที่ผ่านมาได้ถูกรัฐบาลดึงเข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจอยู่พอสมควร โดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติบอกว่าล่าสุด อาจจะมีการลดเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ได้อีก แต่อย่าลืมว่ารอบแรกลด FIDF ต้องแลกจากการลดดอกเบี้ยเงินกู้มาอีก เพราะฉะนั้นลดอีก แบงก์ก็ต้องลดอัตราเงินกู้อยู่ดีก็ไม่ได้อะไร

ในขณะเดียวกัน คุณภาพหนี้ก็จะแย่ลง การพักชำระหนี้ไป 6 เดือน เดี๋ยวเดือนตุลาคม นี้ ก็ต้องกลับมาชำระ ซึ่งผมก็ยังไม่แน่ใจว่า ลูกหนี้จะกลับมาชำระได้หรือไม่ ถ้าชำระไม่ได้ก็ต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ต่อ เพราะฉะนั้นกลุ่มแบงก์มีการปรับตัวลง ซื้อขายที่เพียง 0.5 เท่า ของมูลค่าทางบัญชี (P/BV) แม้ว่าปีหน้าจะมีวัคซีนไวรัสโควิด-19 หลายธุรกิจน่าจะฟื้นได้ แต่กลุ่มแบงก์ผมมองว่า ก็ยังไม่สามารถฟื้นได้ เพราะยังติดชะงักตัวลูกหนี้อยู่

หนังสืออิป้าหามาเล่า2.กลุ่มศูนย์การค้า พื้นที่เช่า พวกนี้จะเหนื่อยหน่อยเพราะว่า ประชาชนส่วนใหญ่ได้เสพติดพฤติกรรมออนไลน์ไปเรียบร้อย หลังจากช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา และมันเป็นเทรนด์ และปัจจุบันการที่จะไปขึ้นราคากับผู้เช่าก็เป็นเรื่องยาก เพราะถ้าพิจารณาดูแล้วทุกคนก็เจอปัญหาเหมือนกันคือ ร้านค้าในห้างสรรพสินค้ามีคนเดินน้อยลง หรือมีเดินแต่ไม่ค่อยได้มีการควักเงินออกมาซื้อสินค้า และถ้ายิ่งไปเก็บเงินค่าเช่าเพิ่ม หรือเท่าเดิมก็ไม่สามารถจะอยู่ได้ เพราะลูกค้าบางคนก็หันไปสั่งสินค้าทางออนไลน์แทน ฉะนั้นอะไรที่เป็นพื้นที่เช่า ในห้างสรรพสินค้า ระยะยาวจะเหนื่อย จะโดยดิสรัปชัน ทำให้ค่า PE จากเดิมเคยสูงอย่าง CPN – บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ก็อาจจะเทรดสูงไม่ได้แล้ว หรืออย่าง BJC – บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ถือบิ๊กซีอยู่ ซึ่งบิ๊กซีจะไปขึ้นพื้นที่ราคาพื้นที่เช่าก็ไม่ได้มันจะยากขึ้น

3.กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มสปา เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่คิดว่า การฟื้นตัวจะไม่เร็ว แม้จะมีการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ อย่างไรก็แล้ว อย่าง ERW – บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีโรงแรมในประเทศส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ พอเกิดวิกฤิตโควิด-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติก็มาไม่ได้ เหลือแต่นักท่องเที่ยวไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวในไทยจะมาเที่ยวกรุงเทพฯหรือไม่ก็คงไม่ แต่จะไปเที่ยวยังต่างจังหวัดอย่างเช่น พัทยา หัวหิน หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องเดินทางโดยเครื่องบิน ซึ่งปัจจุบันคนก็ไม่ได้อยากจะเดินทางมากขนาดนั้น

ขณะเดียวกันพวกโรงแรมก็ต้องแลกมาด้วยการลดราคาที่ค่อนข้างจะโหด เพราะฉะนั้นผมคิดว่า กลุ่มโรงแรมยังคงเป็นกลุ่มที่ต้องใช้เวลา เช่น MINT – บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) แม้มีเพิ่มทุน มีออกหุ้นกู้เพิ่ม แต่โรงแรมก็มีในต่างประเทศ ซึ่งก็อาจจะฟื้นช้า เพราะโควิด-19 ก็ยังระบาดไปทั่วโลกเช่นกันอีกกลุ่มหนึ่งก็คือธุรกิจสปาที่โดนดิสรัปชันไปด้วยเช่นกัน และลูกค้าหลักก็คือชาวจีน ลูกค้าจีนหายไป เช่นกัน

สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือก่อนจบสิ้นปีมองว่า ตอนนี้ PE ตลาดหุ้นไทยถ้าเป็นปีนี้ (2563) อยู่ที่ 22 เท่า ปีหน้า (2564) คาดว่าจะอยู่ที่ 19 เท่า ถ้าไปดูค่าเฉลี่ยทุกคนมองในปีหน้า อยู่ที่ 19 เท่า ในอดีตเราเทรดกัน 15-16 เท่า ในช่วง 10 ปีที่่ผ่านมา ผมมองว่าตลาดค่อนข้างสะท้อนในการฟื้นตัวของกำไรไปพอสมควรแล้ว เพราะฉะนั้นตลาดช่วงที่เหลือก่อนจบสิ้นปี ตลาดมันจะแกว่ง ผันผวนค่อนข้างจะแรง ซึ่งเรามองว่า ข้างบนน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,450 จุด ส่วนข้างล่างเรามองลึกหน่อยคือ 1,200 จุด ดาวน์ไซด์มากกว่าอัพไซด์ในปัจจุบัน

สุดท้ายนี้ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในช่วงจังหวะใดก็ตาม สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ ความรอบครอบในการลงทุน ต้องคิดและตรึงตรองให้ดีก่อนตัดสินใจทุกครั้งนะคะ เพราะการลงทุนอย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ก็ย่อมจะมีความเสี่ยงตามมา…วันนี้ไปล่ะค่ะ บ๊ายยย

Facebook Comments