หุ้นโรงไฟฟ้า

หนังสืออิป้าหามาเล่ามาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า ย่างก้าวเข้าสู่ปีใหม่ได้หนึ่งสัปดาห์ ดูเหมือนว่าหุ้นโรงไฟฟ้าทั้งเล็กและใหญ่ ต่างพากันดี๊ด๊าบวกกันรัวๆ โดยล่าสุด 8 ม.ค.64 SET ปิดที่ 1,536.44 จุด สิ้นปี 62 ปิดที่ 1,449.35 จุด เพิ่มขึ้นมา 87.09 จุด หรือ 6.00% ในสัปดาห์เดียว ฉะนั้นแล้วไปดู 15 อันดับหุ้นโรงไฟฟ้าที่ราคาแรงที่สุดในรอบ 1 สัปดาห์ของปีนี้กันค่ะ (ไล่มากสุดไปหาน้อยสุดนะคะ) และมีแถมเทียบช่วงที่ราคาต่ำสุดว่าสามารถรีบาวด์ขึ้นมาเท่าไร

1.EA (บมจ.พลังงานบริสุทธิ์) มาร์เกตแคป 234,990 ล้านบาท

สิ้นปี 63 ปิดที่ 49.25 บาท ขณะวันที่ 8 ม.ค.64 ปิดที่ 63.00 บาท เพิ่มขึ้น 13.75 บาท หรือ 27.92%

ต่ำสุดในปี 63 คือ 27.50 บาท (13 มี.ค.63) ล่าสุดปิดที่ 63.00 บาท เพิ่มขึ้น 35.50 บาท หรือ 129.10%

ผลตอบแทนราคาปี 63 คือ +12.57% ส่วนปี 62 คือ +2.94%

2.SSP (บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น) มาร์เกตแคป 11,894 ล้านบาท

สิ้นปี 63 ปิดที่ 11.60 บาท ขณะวันที่ 8 ม.ค.64 ปิดที่ 12.90 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาท หรือ 11.20%

ต่ำสุดในปี 63 คือ 5.85 บาท (23 มี.ค.63) ล่าสุดปิดที่ 12.90 บาท เพิ่มขึ้น 7.05 บาท หรือ 120.51%

ผลตอบแทนราคาปี 63 คือ +57.82% ส่วนปี 62 คือ -1.34%

3.GPSC (บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่) มาร์เกตแคป 231,218 ล้านบาท

สิ้นปี 63 ปิดที่ 73.75 บาท ขณะวันที่ 8 ม.ค.64 ปิดที่ 82.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.25 บาท หรือ 11.19%

ต่ำสุดในปี 63 คือ 45.75 บาท (17 มี.ค.63) ล่าสุดปิดที่ 82.00 เพิ่มขึ้น 36.25 บาท หรือ 79.23%

ผลตอบแทนราคาปี 63 คือ -13.99% ส่วนปี 62 คือ +64.53%

4.BGRIM (บมจ.บี.กริม เพาเวอร์) มาร์เกตแคป 138,817 ล้านบาท

สิ้นปี 63 ปิดที่ 48.50 บาท ขณะวันที่ 8 ม.ค.64 ปิดที่ 53.25 บาท เพิ่มขึ้น 4.75 บาท หรือ 9.79%

ต่ำสุดในปี 63 คือ 27.25 บาท (13 มี.ค.63)ล่าสุดปิดที่ 53.25 บาท เพิ่มขึ้น 26.00 บาท หรือ 95.41%

ผลตอบแทนราคาปี 63 คือ -7.62% ส่วนปี 62 คือ +98.11%

5.SUPER (บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น) มาร์เกตแคป 28,717 ล้านบาท

สิ้นปี 63 ปิดที่ 0.96 บาท ขณะวันที่ 8 ม.ค.64 ปิดที่ 1.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.09 บาท หรือ 9.37%

ต่ำสุดในปี 63 คือ 0.31 บาท (24 มี.ค.63) ล่าสุดปิดที่ 1.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.74 บาท หรือ 238.71%

ผลตอบแทนราคาปี 63 คือ +71.43% ส่วนปี 62 คือ +5.66%

6.GULF (บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์) มาร์เกตแคป 434,127 ล้านบาท

สิ้นปี 63 ปิดที่ 34.25 บาท ขณะวันที่ 8 ม.ค.64 ปิดที่ 37.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท หรือ 8.03%

ต่ำสุดในปี 63 คือ 22.60 บาท (พาร์เก่า 113.00 บาท ณ วันที่ 13 มี.ค.63) ล่าสุดปิดที่ 37.00 บาท เพิ่มขึ้น14.40 บาท หรือ 63.72%

ผลตอบแทนราคาปี 63 คือ +4.34% ส่วนปี 62 คือ +103.68%

7.BCPG (บมจ.บีซีพีจี) มาร์เกตแคป 40,398 ล้านบาท

สิ้นปี 63 ปิดที่ 14.20 บาท ขณะวันที่ 8 ม.ค.64 ปิดที่ 15.30 บาท เพิ่มขึ้น 1.10 บาท หรือ 7.75%

ต่ำสุดในปี 63 คือ 9.45 บาท (13 มี.ค.63) ล่าสุดปิดที่ 15.30 บาท เพิ่มขึ้น 5.85 บาท หรือ 61.90%

ผลตอบแทนราคาปี 63 คือ -11.14% ส่วนปี 62 คือ +6.58%

8.ACE (บมจ.แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้) มาร์เกตแคป 39,686 ล้านบาท

สิ้นปี 63 ปิดที่ 3.64 บาท ขณะวันที่ 8 ม.ค.64 ปิดที่ 3.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.26 บาท หรือ 7.14%

ต่ำสุดในปี 63 คือ 2.34 บาท (13 มี.ค.63) ล่าสุดปิดที่ 3.90 บาท เพิ่มขึ้น 1.56 บาท หรือ 66.67%

ผลตอบแทนราคาปี 63 คือ -13.74% ส่วนปี 62 คือ -4.09%

9.BPP (บมจ.บ้านปู เพาเวอร์) มาร์เกตแคป 48,511 ล้านบาท

สิ้นปี 63 ปิดที่ 15.10 บาท ขณะวันที่ 8 ม.ค.64 ปิดที่ 15.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือ 5.30%

ต่ำสุดในปี 63 คือ 10.20 บาท (16 มี.ค.63) ล่าสุดปิดที่ 15.90 บาท เพิ่มขึ้น 5.70 บาท หรือ 55.88%

ผลตอบแทนราคาปี 63 คือ -14.69% ส่วนปี 62 คือ -20.63%

10.CKP (บมจ.ซีเค พาวเวอร์) มาร์เกตแคป 38,046 ล้านบาท

สิ้นปี 63 ปิดที่ 4.46 บาท ขณะวันที่ 8 ม.ค.64 ปิดที่ 4.68 บาท เพิ่มขึ้น 0.22 บาท หรือ 4.93%

ต่ำสุดในปี 63 คือ 2.46 บาท (13 มี.ค.63) ล่าสุดปิดที่ 4.68 บาท เพิ่มขึ้น 2.22 บาท หรือ 90.24%

ผลตอบแทนราคาปี 63 คือ -10.08% ส่วนปี 62 คือ 0.00%

11.GUNKUL (บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง) มาร์เกตแคป 23,450 ล้านบาท

สิ้นปี 63 ปิดที่ 2.52 บาท ขณะวันที่ 8 ม.ค.64 ปิดที่ 2.64 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท หรือ 4.76%

ต่ำสุดในปี 63 คือ 1.84 บาท (13 มี.ค.63) ล่าสุดปิดที่ 2.64 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือ 43.48%
ผลตอบแทนราคาปี 63 คือ -15.44% ส่วนปี 62 คือ +27.72%

12.TPIPP (บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์) มาร์เกตแคป 37,128 ล้านบาท

สิ้นปี 63 ปิดที่ 4.28 บาท ขณะวันที่ 8 ม.ค.64 ปิดที่ 4.42 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท หรือ 3.27%

ต่ำสุดในปี 63 คือ 2.78 บาท (23 มี.ค.63)ล่าสุดปิดที่ 4.42 บาท เพิ่มขึ้น 1.64 บาท หรือ 58.99%

ผลตอบแทนราคาปี 63 คือ -2.73% ส่วนปี 62 คือ -22.12%

13.EGCO (บมจ.ผลิตไฟฟ้า) มาร์เกตแคป 104,240 ล้านบาท

สิ้นปี 63 ปิดที่ 192.50 บาท ขณะวันที่ 8 ม.ค.64 ปิดที่ 198.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท หรือ 2.86%

ต่ำสุดในปี 63 คือ 161.00 บาท (13 มี.ค.63) ล่าสุดปิดที่ 198.00 บาท เพิ่มขึ้น 37.00 บาท หรือ 22.98%

ผลตอบแทนราคาปี 63 คือ -41.31% ส่วนปี 62 คือ +32.26%

14.WHAUP (บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์) มาร์เกตแคป 16,371 ล้านบาท

สิ้นปี 63 ปิดที่ 4.20 บาท ขณะวันที่ 8 ม.ค.64 ปิดที่ 4.28 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท หรือ 1.90%

ต่ำสุดในปี 63 คือ 3.16 บาท (13 มี.ค.63) ล่าสุดปิดที่ 4.28 บาท เพิ่มขึ้น 1.12 บาท หรือ 35.44%
ผลตอบแทนราคาปี 63 คือ -22.94% ส่วนปี 62 คือ -1.80%

15.RATCH (บมจ.ราช กรุ๊ป) มาร์เกตแคป 77,213 ล้านบาท

สิ้นปี 63 ปิดที่ 53.00 บาท ขณะวันที่ 8 ม.ค.64 ปิดที่ 53.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.47%

ต่ำสุดในปี 63 คือ 39.50 บาท (13 มี.ค.63) ล่าสุดปิดที่ 53.25 บาท เพิ่มขึ้น 13.75 บาท หรือ 34.81%

ผลตอบแทนราคาปี 63 คือ -22.91% ส่วนปี 62 คือ +35.47%

อย่างไรก็ตาม ในปี 64 นี้ หุ้นโรงไฟฟ้าถูกจับตาในฐานะหุ้นที่จะสร้างความร้อนแรงได้อีก แต่ต้องเลือกรายตัวและจับจังหวะให้ดีนะคะ วันนี้ไปละค่ะ บ๊ายย

Facebook Comments