มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่าเห็นลุ้นกันมา 2 สัปดาห์แล้ว ในที่สุดก็ได้เห็น Circuit Breaker ครั้งที่ 4 ค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อน ๆ อีกครั้ง ขอให้เลือกทางที่เหมาะสมกับตัวเองนะคะ
วันที่ 12 มี.ค. 63 จึงต้องบันทึกไว้ (เตือนความจำค่ะ ฮือๆๆ) อิป้าเลยจะพาไปดู 10 หุ้น ในกลุ่ม SET 100 ที่ลบมากที่สุดในวันประวัติศาสตร์นี้
1.STPI (บมจ.เอสทีพี แอนด์ ไอ) วันที่ 12 มี.ค.63 ราคาปิด 3.22 บาท ลดไป 1.08 บาท หรือ -25.12%
ปริมาณการซื้อขาย 14,465,300 หุ้น มูลค่าการซื้อขาย 52,478,000 บาท มาร์เกตแคปเหลือ 5,232 ล้านบาท จากเมื่อวันที่ 11 มี.ค.63 อยู่ที่ 6,986.78ล้านบาท
2.AWC (บมจ.แอสเสท เวิรด์) วันที่ 12 มี.ค.63 ราคาปิด 3.64 บาท ลดไป 0.98 บาท หรือ-21.21%
ปริมาณการซื้อขายของวัน 111,159,400 หุ้น มูลค่าการซื้อขาย 414,287,000 บาท มาร์เกตแคปเหลือ 116,480 ล้านบาท จากเมื่อวันที่ 11 มี.ค.63 อยู่ที่ 147,840.00 ล้านบาท
3.GLOBAL (บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์) วันที่ 12 มี.ค.63 ราคาปิด 11.30 บาท ลดไป 3.00 บาท หรือ -20.98%
ปริมาณการซื้อขาย 15,988,400 หุ้น มูลค่าการซื้อขาย 189,472,000 บาท มาร์เกตแคปเหลือ 47,477 ล้านบาท จากเมื่อวันที่ 11 มี.ค.63 อยู่ที่ 60,082.03 ล้านบาท
4.CK (บมจ.ช.การช่าง) วันที่ 12 มี.ค.63 ราคาปิด 14.00 บาท ลดไป 3.50 บาท หรือ -20.00%
ปริมาณการซื้อขาย 22,765,900 หุ้น มูลค่าการซื้อขาย 336,011,000 บาท มาร์เกตแคปเหลือ 23,715 ล้านบาท จากเมื่อวันที่ 11 มี.ค.63 อยู่ที่ 29,643.20 ล้านบาท
5.KKP (บมจ.ธนาคารเกียรตินาคิน) วันที่ 12 มี.ค.63 ราคาปิด 41.25 บาท ลดไป 10.25 บาท หรือ -19.90%
ปริมาณการซื้อขาย 11,861,300 หุ้น มูลค่าการซื้อขาย 515,760,000 บาท มาร์เกตแคปเหลือ 34,928 ล้านบาท จากเมื่อวันที่ 11 มี.ค.63 อยู่ที่ 43,607.68 ล้านบาท
6.WHA (บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น) วันที่ 12 มี.ค.63 ราคาปิด 2.16 บาท ลดไป 0.52 บาท หรือ -19.40%
ปริมาณการซื้อขายของวัน 191,131,900 หุ้น มูลค่าการซื้อขาย 435,165,000 บาท มาร์เกตแคปเหลือ 32,285 ล้านบาท จากเมื่อวันที่ 11 มี.ค.63 อยู่ที่ 40,056.8 ล้านบาท
7.AMATA (บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน) วันที่ 12 มี.ค.63 ราคาปิด 10.50 บาท ลดไป 2.50 บาท หรือ -19.23%
ปริมาณการซื้อขายของวัน 14,421,600 หุ้น มูลค่าการซื้อขาย 156,897,000 บาท มาร์เกตแคปเหลือ 11,204 ล้านบาท จากเมื่อวันที่ 11 มี.ค.63 อยู่ที่ 13,871.00 ล้านบาท
8.ORI (บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้) วันที่ 12 มี.ค.63 ราคาปิด 3.90 บาท ลดไป 0.90 บาท หรือ -19.75%
ปริมาณการซื้อขายของวัน 20,600,400 หุ้น มูลค่าการซื้อขาย 83,245,000 บาท มาร์เกตแคปเหลือ 9,566 ล้านบาท จากเมื่อวันที่ 11 มี.ค.63 อยู่ที่ 11,773.74 ล้านบาท
9.STEC (บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น) วันที่ 12 มี.ค.63 ราคาปิด 11.30 บาท ลดไป 2.60 บาท หรือ -18.71%
ปริมาณการซื้อขายของวัน 38,617,300 หุ้น มูลค่าการซื้อขาย 453,635,000 บาท มาร์เกตแคปเหลือ 17,234 ล้านบาท จากเมื่อวันที่ 11 มี.ค.63 อยู่ที่ 21,198.98 ล้านบาท
10.KTC (บมจ.บัตรกรุงไทย) วันที่ 12 มี.ค.63 ราคาปิด 28.00 บาท ลดไป 6.25 บาท หรือ -18.25%
ปริมาณการซื้อขายของวัน 36,159,200 หุ้น มูลค่าการซื้อขาย 998,000,000 บาท มาร์เกตแคปเหลือ 72,193 ล้านบาท จากเมื่อวันที่ 11 มี.ค.63 อยู่ที่ 88,307.94 ล้านบาท
++++++++++++++
ส่วน10 ตัวที่ “ลบ” น้อยที่สุดคือ
MAJOR -2.12%
IRPC -4.67%
RS -4.72%
BH -5.00%
MBK -5.36%
TTW -5.80%
ADVANC -6.22%
CPALL -6.44%
JAS -7.56%
GFPT -7.69%
อย่างไรก็ตาม อิป้าได้ไปอ่านที่ขุ่นพี่วิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) พรินซิเพิล จำกัดเขียนไว้ในเพจ Invest Like A Pro ตอนหนึ่งว่า “เหตุการณ์ในวันนี้ ทำให้ผมนึกถึงตอนปี 2009 ที่ SET ร่วงลงมาต่ำกว่า 400 จุด ในช่วงนั้นคนรอบข้างของผมทุกคน “เกลียดกลัว” ตลาดหุ้นมาก พากันเทขายหุ้นหมดพอร์ต แล้วกว่าจะกลับมาซื้อใหม่ SET ก็ขึ้นไปเหนือ 900 จุดแล้ว แปลว่ามีหลายคนพลาดตลาดขาขึ้นแบบน่าเสียดาย
…ในช่วงเวลาเดียวกัน ผมก็กัดฟัน DCA ไปเรื่อย ๆ โดยตั้งคำสั่งแบบอัตโนมัติเป็นการตัด “อารมณ์” ออกไป มองย้อนกลับไปแล้วก็นับว่าทำถูก (แค่เสียดาย ที่ซื้อน้อยไป) มีคนถามว่า ตลาดแบบนี้ผมทำอย่างไร ก็ตอบว่า ยัง “กัดฟัน” DCA อยู่ครับ
ทั้งนี้ อิป้าส่งแรงใจเชียร์เพื่อน ๆ ทุกคนนะคะ ขออวยพรให้เจ็บตัวน้อยที่สุด และกลับมาผงาดในเร็ววัน…วันนี้ไปล่ะค่ะ บ๊าย