หุ้นอสังหา

หนังสืออิป้าหามาเล่ามาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า ต้นปีก็ถือว่ามีเรื่องดี ๆ สำหรับกลุ่มอสังหากันเลยนะคะ หลังจากที่รัฐบาลมีมติให้ลดอัตราจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปีนี้ลงไปอีก 90% และขยายมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนฯ ซึ่งอาจจะกระตุ้นให้เกิดการระบายสต๊อกคงค้างได้บ้างเล็กๆ ค่ะ และมีหุ้นตัวไหนบ้างน่าสนใจบ้าง เมื่อนำมาเก็ตแคปมาทำการเปรียบเทียบ ตามมาช่วยอิป้าเช็คกันเลยคร้าาาา

1.LH (บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์) มาร์เกตแคป 93,207.76 ล้านบาท , Yield 8.97%

ราคาสิ้นปี 63 ปิดที่ 7.95 บาท ขณะที่ 29 ม.ค.64 ปิดที่ 7.80 บาท ลดลง 0.15 บาท หรือ -1.88% อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลังปี 63 เท่ากับ -18.88% ,ปี 62 เท่ากับ -1.01%

LH มีอัพไซด์สูงสุดในกลุ่มและยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นสูงกว่าหุ้นอื่นๆ ในกลุ่ม และ LH จะได้ปัจจัยสนับสนุนจากกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ใน Q4/63 และมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์

2.SPALI (บมจ.ศุภาลัย) มาร์เกตแคป 42,861.59 ล้านบาท , Yield 5.24%

ราคาสิ้นปี 63 ปิดที่ 20.50 บาท ขณะที่ 29 ม.ค.64 ปิดที่ 20.00 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ -2.40% อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลังปี 63 เท่ากับ +14.53% ,ปี 62 เท่ากับ -1.65%

SPALI เป็นหุ้นในกลุ่มได้ประโยชน์จากลดภาษีที่ดิน, ค่าธรรมเนียมโอน-จำนอง และตั้งยอดขายในปี 64 ไว้ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 9% จากปีก่อน จ่อเปิดโครงการใหม่ 31 โครงการจะมีมูลค่าราว 3.4 หมื่นล้านบาท

3.PSH (บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง) มาร์เกตแคป 26,918.61 ล้านบาท , Yield 12.60%

ราคาสิ้นปี 63 ปิดที่ 12.50 บาท ขณะที่ 29 ม.ค.64 ปิดที่ 12.30 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ -1.60% อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลังปี63 เท่ากับ -15.54% ,ปี 62 เท่ากับ -14.45%

PSH เป็นหุ้นในกลุ่มได้ประโยชน์จากลดภาษีที่ดิน, ค่าธรรมเนียมโอน-จำนอง ขณะ backlog ยังไม่แจ่มมากนักรวมไปถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานยังชะลอตัว

4.QH (บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์) มาร์เกตแคป 25,071.65 ล้านบาท ,Yield 8.55%

ราคาสิ้นปี 63 ปิดที่ 2.32 บาท ขณะที่ 29 ม.ค.64 ปิดที่ 2.34 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือบวก +0.86% อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลังปี 63 เท่ากับ -9.38% ,ปี 62 เท่ากับ -2.29%

QH แผนปี 64 ยังเน้นแนวราบเล็งเปิด 4-5 โครงการใหม่มูลค่ากว่า 4-5 พันล้านบาท ขณะที่โรงแรมเซ็นเตอร์ พ้อยท์ สีลม และโรงแรมเซ็นเตอร์ พ้อยท์ ไพร์ม พัทยา ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

5.AP (บมจ.เอพี (ไทยแลนด์)) มาร์เกตแคป 22,807.77 ล้านบาท ,Yield 5.52%

ราคาสิ้นปี 63 ปิดที่ 7.25 บาท ขณะที่ 29 ม.ค.64 ปิดที่ 7.25 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง, อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลังปี63 เท่ากับ -2.68% ,ปี 62 เท่ากับ +24.17%

AP ถูกคาดหวังว่าปี 63 จะมีผลการดำเนินงานดีที่สุดในแง่อัตราการเติบโตของกำไรของกลุ่มที่อยู่อาศัย และล่าสุดเพิ่งออกหุ้นกู้ 2 ชุด มูลค่า 3,000 ล้าน ดอกเบี้ย 2.77-3.51% จ่ายทุก 6 เดือน

6.ORI (บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้) มาร์เกตแคป 18,396.47 ล้านบาท , Yield 6.60%

ราคาสิ้นปี 63 ปิดที่ 7.55 บาท ขณะที่ 29 ม.ค.64 ปิดที่ 7.50 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ -0.66% อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลังปี63 เท่ากับ +7.86% ,ปี 62 เท่ากับ +6.06%

ORI บอสโด่งเพิ่งปรับโครงสร้างดันโฮลดิ้ง ถือ 25% เทขายบิ๊กล็อต 503 ล้านหุ้น ขณะยอดขายปี 2563 ถูกประเมินว่าน่าจะลดลงจากปีก่อน แต่จะกลับมาผงาดโต 10% ในปี 64 และ backlog รอโอนในปี 64 ที่สูงสุดในกลุ่ม

7.SIRI (บมจ.แสนสิริ) มาร์เกตแคป 12,484.70 ล้านบาท , Yield 9.06%

ราคาสิ้นปี 63 ปิดที่ 0.81 บาท ขณะที่ 29 ม.ค.64 ปิดที่ 0.84 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท หรือบวก +3.70% อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลังปี 63 เท่ากับ -25.69% ,ปี 62 เท่ากับ -7.63%

SIRI เป็นหุ้นในกลุ่มได้ประโยชน์จากลดภาษีที่ดิน,ค่าธรรมเนียมโอน-จำนอง ขณะยอดโอนปี 63 ทะลุ 4.5 หมื่นล้านบาท ทำนิวไฮรอบ 36 ปีและถูกคาดหวังว่าเป็นหุ้นรีเทิร์น ด้วย P/E ต่ำ-ปันผลเกิน 5% โอกาสไปต่อมีสูง

8.SC (บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น) มาร์เกตแคป 11,368.58 ล้านบาท , Yield 6.99%

ราคาสิ้นปี 63 ปิดที่ 2.78 บาท ขณะที่ 29 ม.ค.64 ปิดที่ 2.72 บาท ลดลง 0.06 บาท หรือ -2.15% อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลังปี 63 เท่ากับ +23.01% ,ปี 62 เท่ากับ -16.30%

SC รายได้ปี 63 สูง 1.85 หมื่นล้านบาท ดีกว่าเป้า เพราะโอนบ้านแนวราบได้มาก ขณะเดียวกันเตรียมออกหุ้นกู้ 800 ล้านบาท อายุ 3 ปี ดอกเบี้ย 3.49% ขายสถาบัน-รายใหญ่ 26-27 ม.ค.ที่ผ่านมา

9.NOBLE (บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์) มาร์เกตแคป 9,722.84 ล้านบาท , Yield 34.74%

ราคาสิ้นปี 63 ปิดที่ 24.80 บาท ขณะที่ 29 ม.ค.64 ปิดที่ 21.30 บาท (ราคาพาร์เก่า 7.10 บาท) ลดลง 3.50บาท หรือ -14.11% อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลังปี 63 เท่ากับ +51.22% ,ปี 62 เท่ากับ +15.49%

NOBLE เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1 ในปี 64 และปีนี้คิดการใหญ่มีแผนจะเปิดตัวอีก 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 45,100 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวสูง 25,000 ล้านบาท และแนวราบ 20,100 ล้านบาท

10.ANAN (บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์) มาร์เกตแคป 6,466.02 ล้านบาท , Yield 6.06%

ราคาสิ้นปี 63 ปิดที่ 1.90 บาท ขณะที่ 29 ม.ค.64 ปิดที่ 1.94 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท หรือบวก +2.10% อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลังปี 63 เท่ากับ -27.48% ,ปี 62 เท่ากับ -19.14%

ANAN นั้น Q4/63 มีสัญญาณการเติบโตที่ดี ส่งผลให้มียอดขายเติบโต 18% (4,384 ล้านบาท) ทำให้ยอดขายรวมของปี 63 สูงกว่าเป้า 4% (กว่า 17,473 ล้านบาท) ขณะที่ยอดจองหุ้นกู้เกินเป้า 2,328 ล้านบาท สะท้อนเชื่อมั่นของนักลงทุน

อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามว่าปีนี้ ธปท.จะมีการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV หรือไม่ รวมถึงหากมีวัคซีนและโควิด-19 คลี่คลายก็จะส่งผลบวกให้กลุ่มอสังหาด้วย…วันนี้ไปล่ะค่ะบ๊ายยยย

Facebook Comments