ปตท.

มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า เริ่มศักราชใหม่กันแล้ว วันนี้พาไปอัพเดตพอร์ต พี่บิ๊ก PTT กันดีกว่าค่ะ โดย ปตท. นั้นกระจายการลงทุนในบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งค่ะ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 578,516,926,690 บาท (ตัวเลข ณ 3 ม.ค.63) เริ่มต้นปี 63 ที่ผ่านมา หุ้นในสังกัดดีดรัว ๆ กันเลยค่ะ

1.PTTEP (ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม) มาร์เกตแคป 516,098.10 ล้านบาท ปตท.ถือหุ้นใหญ่สุด 65.29% ราคาสื้นปี 62 ปิดที่ 124.50 บาท ราคา 3 ม.ค.63 ปิดที่ 130.00 บาท บวกเพิ่ม 5.50 บาท หรือ 4.41% (ผลงานปี 62 สิ้นปี 61 ปิดที่ 113.50 บาท สื้นปี 62 ปิดที่ 124.50 บาท บวกเพิ่ม 11.00 บาท หรือ 9.69%)

2.PTTGC (บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล) มาร์เกตแคป 268,276.52 ล้านบาท ปตท.ถือหุ้นใหญ่สุด 47.68% โดย PTTGC เข้าไปถือหุ้นอีก 3 บริษัท คือ GGC (บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล) 72.29% , GPSC (บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่) 22.73% และ VNT (บมจ.วีนิไทย) 24.98%
ราคา PTTGC สิ้นปี 62 ปิดที่ 57.00 บาท ราคา 3 ม.ค.63 ปิดที่ 59.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 4.38% (ผลงานปี 62 สิ้นปี 61 ปิดที่ 71.25 บาท สื้นปี 62 ปิดที่ 57.00 บาท ลดลง 14.25 บาท หรือ -20.00%)

3.TOP (บมจ.ไทยออยล์) มาร์เกตแคป 146,882.01 ล้านบาท ปตท.ถือหุ้นใหญ่สุด 47.53% โดย TOP เข้าไปถือหุ้นใน GPSC (บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่) 8.91% และถือ GPSC (บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่) 20.79%

ราคาTOP สื้นปี 62 ปิดที่ 69.75 บาท ราคา 3ม.ค.63 ปิดที่ 72.00 บาท บวก 2.25 บาท หรือ 3.22 % (ผลงานปี 62 สิ้นปี 61 ปิดที่ 66.25 บาท สื้นปี 62 ปิดที่ 69.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ 5.28 %)

4.IRPC (บมจ.ไออาร์พีซี) มาร์เกตแคป 80,102.92 ล้านบาท ปตท.ถือหุ้นใหญ่สุด 48.05% ราคาสื้นปี 62 ปิดที่ 3.68 บาท ราคา 3 ม.ค.63 ปิดที่ 3.92 บาท บวก 0.24 บาท หรือ 6.52% (ผลงานปี 62 สิ้นปี 61 ปิดที่ 5.75 บาท สื้นปี 62 ปิดที่ 3.68 บาท ลดลง 2.07บาท หรือ -36.00%)

5.GPSC (บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่) มาร์เกตแคป 241,086.86 ล้านบาท ปตท.ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ถือ 22.58% ราคาสื้นปี 62 ปิดที่ 85.75 บาท ราคา 3 ม.ค.63 ปิดที่ 85.50 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ -0.29% (ผลงานปี 62 สิ้นปี 61 ปิดที่ 58.50 บาท สื้นปี 62 ปิดที่ 85.75 บาท เพิ่มขึ้น 27.25 บาท หรือ 46.58%)

6.TIP (บมจ.ทิพยประกันภัย) มาร์เกตแคป 14,640.00 ล้านบาท ปตท.ถือหุ้นใหญ่สุด 13.33% โดย TIP เข้าไปถือหุ้นอีก 13 ตัว คือ ASP (บมจ.เอเซีย พลัส) 4.07% , BTSGIF (กองทุนรวมบีทีเอสโกรท) 0.82% , CPNCG (กองทุนรวม CPN คอมเมอร์เชียล โกรท) 1.53% , EGATIF (กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ) 1.48% , KGI (หลักทรัพย์ เคจีไอ) 1.75% , KKP (ธนาคารเกียรตินาคิน) 1.25% , MODERN (บมจ.โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป) 2.60% , POPF (กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์มออฟฟิศ) 4.43% , QH (บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์) 1.34% , QHPF (กองทุนรวมควอลิตี้ เฮ้าส์) 1.94% , SRICHA (บมจ.ศรีราชาคอนสตรัคชั่น) 1.23% , TISCO (บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป) 0.69% , TTW (บมจ.ทีทีดับบลิว) 0.77%

ราคาสิ้นนปี 62 ปิดที่ 24.20 บาท ราคา 3 ม.ค.63 ปิดที่ 24.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 0.82% (ผลงานปี 62 สิ้นปี 61 ปิดที่ 22.70 บาท สิ้นปี 62 ปิดที่ 24.20 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 6.60%)

และ7.BAFS (บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ) มาร์เกตแคป 19,284.26 ล้านบาท PTTOR (บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก) ถืออันดับ 4 สัดส่วน 7.06%ราคาสื้นปี 62 ปิดที่ 30.00 บาท ราคา 3 ม.ค.63 ปิดที่ 30.25 บาท เพิ่ม 0.25บาท หรือ 0.83% (ผลงานปี 62 สิ้นปี 61 ปิดที่ 32.75 บาท สื้นปี 62 ปิดที่ 30.00 บาท ลดลง 2.75 บาท หรือ -8.39%)

ทั้งนี้เริ่มปี 63 มา ใน 7 ตัว บวกเพิ่ม 6 ตัว มีเพียง GPSC ย่อเล็ก ๆ ซึ่งถ้ามีปัจจัยมาทำให้ราคาน้ำดิบในตลาดโลกสูงขึ้น หุ้น ENERGY ก็น่าจะดีด้าได้ค่ะ..วันนี้ไปล่ะค่ะ บ๊ายย

Facebook Comments