มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า ปลายสัปดาห์นี้จะมีการแถลงนโยบายของรัฐบาล ลุงตู่ 2 ในช่วงวันที่ 25 – 26 – 27 ก.ค. ซึ่งตามตำราแล้ว ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับหุ้น Domestic Play เพราะหลังแถลงนโยบายจบ จะเข้าสู่ภาคการปฎิบัติจริง ที่ต้องมีการเทเม็ดเงินลงไปสนับสนุนนโยบายที่ฟุ้งน้ำลายไปแล้วนั่นเองค่ะ

โดย หุ้น Domestic Play เป็นหนึ่งในกลยุทธการลงทุน เป็นหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ หรือมาตรการต่างๆ ที่จะออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งถ้ากลุ่มจิ๊ดน่าจะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมค้าปลีก และการท่องเที่ยว , กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง และกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย

ซึ่งหุ้น Domestic Play ต้องเป็นคุณนายละเอียดนิ๊ดนะคะ เพราะต้องดูว่า 1. เป็นผู้นําในอุตสาหกรรม 2.ความพร้อมทางการเงิน (เงินถึง-สายป่านยาว) 3.ประสิทธิภาพในการทํากําไร (มี Profit Margin-อัตรากำไรสุทธิสูง) และ4.ราคาหุ้นไม่สูงเกินไป (อ้างอิงจาก เทิดศักดิ ทวีธีระธรรม บล. เอเซีย พลัส)

ไปดูกันเลยค่ะ หุ้น Domestic Play มีตัวไหน (ค้าปลีก-รับเหมา) น่าสนใจกันบ้าง (ข้อมูล ณ วันที่ 19 ก.ค. 62)

1.CPALL (บมจ. ซีพี ออลล์) มาร์เกตแคป 788,267.14 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 61 ปิด 68.75 บาท ณ 19 ก.ค.62 ปิด 87.75 บาท ถ้าซื้อตอนสิ้นปี 61 ได้กำไร 19.00 บาท/หุ้น หรือ 27.63% ค่า P/E 37.04 เท่า (ค่า P/E Sector 31.47) ค่า P/BV 8.74 เท่า (ค่า P/BVSector 4.72 ) อัตรากำไรสุทธิ 4.15%

2.HMPRO (บมจ.โฮม โปรดักส์) มาร์เกตแคป 231,461.09 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 61 ปิด 15.20 บาท ณ 19 ก.ค.62 ปิด 17.60 บาท ถ้าซื้อตัวนี้ตอนสิ้นปี 61จะได้กำไร 2.40 บาท/หุ้น หรือ 15.78% ค่า P/E 40.02 เท่า (ค่า P/E Sector 31.47) ค่า P/BV 10.85 เท่า (ค่า P/BVSector 4.72) อัตรากำไรสุทธิ 8.58%

3.MAKRO (บมจ.สยามแม็คโคร) มาร์เกตแคป 183,600.00 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 61 ปิดที่ 32.00 บาท ณ 19 ก.ค.62 ปิดที่ 38.25 บาท ถ้าซื้อตัวนี้ตอนสิ้นปี 61จะได้กำไร 6.25 บาท/หุ้น หรือ 19.53% ค่า P/E 31.48 เท่า (ค่า P/E Sector 31.47) ค่า P/BV 9.03 เท่า (ค่า P/BVSector 4.72) อัตรากำไรสุทธิ 2.93%

4.BJC (บมจ.บอร์ลี่ ยุคเกอร์) มาร์เกตแคป 206,282.97 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 61 ปิดที่ 50.75 บาท ณ 19 ก.ค.62 ปิดที่ 51.50 บาท ถ้าซื้อตัวนี้ตอนสิ้นปี 61จะกำไร 0.75บาท/หุ้น หรือ 1.47% ค่า P/E 30.74 เท่า (ค่า P/E Sector31.47) ค่า P/BV 1.84 เท่า (ค่า P/BVSector 4.72) อัตรากำไรสุทธิ 3.55%

5.STPI (บมจ.เอสทีพี แอนด์ ไอ) มาร์เกตแคป 16,085.83 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 61 ปิดที่ 4.06 บาท ณ 19 ก.ค.62 ปิดที่ 9.90 บาท ถ้าซื้อตัวนี้ตอนสิ้นปี 61จะกำไร 5.84 บาท/หุ้น หรือ 143.84% ค่า P/E 11.52 เท่า (ค่า P/E Sector 35.78) ค่า P/BV 1.84 เท่า (ค่า P/BVSector 1.75 ) อัตรากำไรสุทธิ 73.26%

6.STEC (บมจ.บริษัท ซิโน-ไทย) มาร์เกตแคป 40,796.60 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 61 ปิดที่ 20.40 บาท ณ 19 ก.ค.62 ปิดที่ 26.75 บาท ถ้าซื้อตัวนี้ตอนสิ้นปี 61 จะกำไร 6.35 บาท/หุ้น หรือ 31.12% ค่า P/E 24.46 เท่า (ค่า P/E Sector 35.7801) ค่า P/BV 3.45 เท่า (ค่า P/BVSector 1.75 ) อัตรากำไรสุทธิ 4.54%

7.CK (บมจ.ช.การช่าง) มาร์เกตแคป 47,852.59 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 61 ปิดที่ 25.00 บาท ล่าสุด (19ก.ค.62)ปิดที่ 28.25 บาท ถ้าซื้อตัวนี้ตอนสิ้นปี 61 จะกำไร 3.25บาท/หุ้น หรือ 13.00% ค่า P/E 18.78 เท่า (ค่า P/E Sector 35.78) ค่า P/BV1.86 เท่า (ค่า P/BVSector 1.75) อัตรากำไรสุทธิ 4.42%

8.UNIQ (บมจ. ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น) มาร์เกตแคป 12,215.48 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 61 ปิดที่ 9.60 บาท ณ 19 ก.ค.62 ปิดที่ 11.30 บาท ถ้าซื้อตัวนี้ตอนสิ้นปี 61 จะกำไร 1.70 บาท/หุ้น หรือ17.70% ค่า P/E 15.18 เท่า (ค่า P/E Sector35.78) ค่า P/BV1.61 เท่า (ค่า P/BVSector 1.75) อัตรากำไรสุทธิ 6.05%

อย่างไรก็ตาม หุ้น Domestic Play ยังมีอีกหลายกลุ่มที่น่าสนใจนะคะ เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มนิคม ลองศึกษาดูนะคะ…วันนี้ไปล่ะค่ะ บ๊ายยย

Facebook Comments