มาแล้วค่ะ อิป้าหามามาเล่า ช่วงนี้สถานการณ์การเมืองกำลังร้อนแรงทั้งในสภาและบนท้องถนนนะคะ เลยพาไปดูข้อมูลเกี่ยวกับการชุมนุมกับตลาดหุ้นกันนะคะ ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส (ASPS) เคยทำบทวิเคราะห์หนึ่งที่น่าสนใจ ขออนุญาติเอามานำเสนอนะคะ
ผลกระทบของการชุมนุมทางการเมืองในแต่ละครั้ง
- โดยพบว่า SET Index ตอบสนองเชิงลบปรับตัวลดลงเฉลี่ย 3.87% ในช่วง 1 เดือนหลังชุมนุม และเป็นการปรับตัวลดลงมากกว่าภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกทุกครั้ง ประกอบด้วย ปี 2551 SET Index ลดลง 12.2%, ปี 2553 เพิ่มขึ้น 4.2% (เป็นช่วงที่หลายประเทศทั่วโลกใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อแก้ Humburger Crisis ทำให้มีสภาพคล่องส่วนเกินไหลเข้าตลาดหุ้นทั่วโลก) และ ปี 2556 ลดลง 4.2%
- ต่างชาติขายสุทธิเฉลี่ย -2.08 หมื่นล้านบาท ในช่วง 1 เดือนหลังชุมนุม โดย 1 เดือนหลังชุมนุมปี 2551 ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย -4.2 หมื่นล้านบาท, ปี 2553 ต่างชาติซื้อสุทธิ 2.9 หมื่นล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคทุกประเทศ) และ ปี 56 ต่างชาติขายสุทธิ -5.0 หมื่นล้านบาท
- ค่าเงินบาทมักอ่อนค่าในช่วงเวลาต่อมาเฉลี่ย -2.08 หมื่นล้านบาท ในช่วง 1 เดือนหลังชุมนุม ความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็นตัวกดดันต่างชาติชะลอการตัดสินใจลงทุน รวมถึงหากความเสี่ยงของการผิดนัดชำระหนี้มีการเร่งตัวสูงขึ้น กดดันให้ Fund Flow ยิ่งชะลอการไหลเข้า
- สรุปคือ นักลงทุนให้ความสำคัญเรื่องของผลกระทบจากสถานการณ์การเมือง ที่จะมีต่อภาวะเศรษฐกิจอาจไม่สามารถดำเนินได้เต็มที่ จะทำให้การฟื้นตัวเกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งส่งผลลบต่อดัชนีตลาดหุ้น, Fund Flow, ความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้, ค่าเงินบาท
อย่างไรก็ตามต้องติดตามการชุมนุมอย่างใกล้ชิดต่อไปอีกสัก 1-2 เดือนนะคะ เพราะแว่วมาว่า ก.ย.นี้แค่ซ้อมใหญ่ แต่ของจริงอยู่ที่ ต.ค. 63 ที่จะไปชนกับวันสัญลักษณ์ 6ตุลา และ 14 ตุลา…วันนี้ไปละค่ะ บ๊ายย
ขอบคุณภาพชุมนุมจาก thaipost
Facebook Comments
