epahamalao

จัดทัพลงทุนแบบทีมฟุตบอล!! หน้าคม-กลางคล่อง-หลังปึ้ก

มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า วันนี้จะมาเม้าเรื่องจัดทัพลงทุนกันค่ะ คือเมื่อเดือนที่แล้ว ดั๊นได้ไปหาความรู้ใส่สมองในงานสัมมนา จัดพอร์ตต่อยอดเงินก้อนสุดท้ายให้พอใช้ ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยค่ะ มีเรื่องราวน่าสนใจอื้อเลยค่ะ เลยจะคัดมานำเสนอเป็นอีกหนึ่งแนวทางให้เพื่อนๆ ได้ไปประยุกต์ใช้กันนะคะ

โดย งานนี้ “อาจารย์สมจินต์ ศรไพศาล” กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย มาเองเลยคร้าาา…พร้อมบอกเลยว่า คนอายุเกิน 40 ปีแล้ว ต้องเตรียมรับมือในวัยหลังเกษียณ โดยเริ่มจากคิดว่า หลัง 60 ปีแล้วจะใช้เงินเดือนละเท่าไร เดือนละ 25,000 บาท ก็นำไปคูณ 12 (12 เดือน = 1 ปี) และคูณ 20 (=25,000 x 12 x 20) ก็ต้องเตรียมเงินไว้ 6 ล้านบาท (หรือหากลดความต้องการใช้จ่ายลงเหลือเดือนละ 12,500 บาท ก็ต้องเตรียมเงินไว้ 3 ล้านบาท) เป็นต้น

และต่อมาก็การได้มาของ “เงินหลังเกษียณ” ที่ให้แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ 1 เงิน 100 บาท เราจะเบ่งเป็นสัดส่วนเท่าไร ในการไปลงทุนในทรัพย์สิน หุ้น กองทุนรวมหุ้น ลงทุนในพันธบัตร กองทุนรวมพันธบัตร ฝากธนาคาร กองทุนรวมตลาดเงิน ขั้นที่ 2 คือการตัดสินใจต่อว่า จะเลือกตราสารอะไร เลือกหุ้นตัวไหน เลือกกองทุนอะไร และขั้นที่ 3 คือทำตอนไหน รอเวลาไหม เป็นเรื่องของจังหวะเวลา

อาจารย์สมจินต์บอกว่า ขั้นตอนแรกสำคัญที่สุด มีผลถึงมีผล 92% 2. เลือกหุ้นตัวไหนมีผล 5 % และ3.จังหวะเวลา มีผลแค่ 2-3%

จากนั้นมาถึงไฮไลท์สำคัญ คือจัดทัพลงทุนแบบทีมฟุตบอล ในสไตล์อาจารย์สมจินต์ โดยแบ่งเป็น 3 กอง

1.กองหน้า…หน้าที่ ทำประตูสร้างชัยชนะ ฉะนั้นแล้วต้องเป็น หุ้น กองทุนรวมหุ้น ที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด ขณะเดียวกันความผันผวนสูงสุดเช่นกัน ซึ่งตรงนี้เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาว เงินที่นำมาลงทุนต้องเป็นเงินเย็น ที่สามารถลงทุนได้ 1 วงจรเศรษฐกิจขึ้นไป (5-7ปี) ยิ่งยาวยิ่งดี

เหตุผลที่ต้องเป็นการลงทุนระยะยาว เพราะว่า ผลสำรวจ 20 ปี ของตลาดหุ้นให้ผลตอยแทนเฉลี่ยเกือบ 12% ซึ่งมีบางปี เศรษฐกิจไม่ดี ตลาดลบกว่า 40% แต่บางปี เศรษฐกิจรุ่งเรืองบวก 100% ดังนั้นต้องลงทุนยาวเพื่อให้เกิดการถั่วเฉลี่ยในปีที่ดีและไม่ดี ทำให้เรามีผลตอบแทนใกล้เคียง 11-12%

คำแนะนำมือใหม่…กองทุนSET 50 ควรจะลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง คือ ทั้งในประเทศ และลงทุนในต่างประเทศ โดยเลือกกองทุนที่มีการกระจายการลงุทนทั่วโลก พวก global quality growth ซึ่งไปเลือกลงทุนในบริษัทที่ทำกำไร (จาก3,000บริษัททั่วโลก) บริษัทมีความเจริญเติบโตได้ดี

2.กองกลาง… ลักษณะหน้าที่คือ เสริมหน้าเวลาได้เปรียบ เสริมหลังเวลาเพลี่ยงพล้ำ ซึ่งจะเป็นเงินอยู่ก้อนหนึ่งที่ลงทุนยาวๆ 5-7 ปี ไม่ได้ แต่สามารถมาลงทุนในระยะ 2-4 ปี ขึ้นไป คือกองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust : REIT) หรือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund:IFF)

3.กองหลัง…เป็นเงินที่เหมือนเป็นแบ๊คอัพเรา เป็นเงินสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น ค่าเรียนลูก ค่าดูแลสุขภาพตัวเอง ซึ่งต้องระมัดระวัง หน้าหลักของกองหลัง คือรักษาเงินต้น รักษาสภาพคล่อง จึงเป็นเงินที่ฝากธนาคาร หรือตราสารตลาดเงิน เป็นการลงทุน ระยะ 1-12เดือน

ทั้งนี้ทั้ง 3กองนั้น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ความเหมาะสม คือเช่นบางเวลา เศรษฐกิจไม่ดี ทำให้เงินกองหลังหมด ก็นำเงินกองกลางขายแล้วนำมาเป็นกองหลังได้ โดยที่การขายนั้นจะขาดทุน ไม่มากเท่ากับการขายเงินในส่วนของกองหน้า หรือถ้ามีเงินเหลือก็อาจจะเปลี่ยนกองกลางเป็นกองหน้าได้

นี้คือการจัดทัพลงทุนโดยมุ่งวัตถุประสงค์ ใช้ได้ทั้งการลงทุนเพื่อเตรียมสู่การเกษียณ หรือการลงทุนหลังเกษียณ ไปแล้ว (ควร 30% เสี่ยงมาก 70% เสี่ยงน้อย และเมื่ออายุมากขึ้นก็ขยับน้ำหนักจากกองหน้าไปอยู่กองกลางมากขึ้น และที่่สำคัญคือความสม่ำเสมอของการลงทุน

เป็นไงบ้างคะ…สำหรับความรู้ดีๆ จากกูรูทางด้านการเงิน จัดทัพลงทุนแบบทีมฟุตบอล เพื่อชนะศึกในทุกสนามการเงินค่ะ…วันนี้ไปล่ะค่ะ บ๊ายย

Facebook Comments
Skip to toolbar