epahamalao

10 คมคิด “เสี่ยป๋อง” โคตรเซียนหุ้น!

เสี่ยป๋อง

มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า วันนี้ไปรวบรวมจากหลายสื่อชื่อดังของเมืองไทย ถึงคมคิด-แนวคิด ของเซียนหุ้นชื่อดัง อย่างวัชระ แก้วสว่าง (เสี่ยป๋อง) หนุ่มใหญ่วัย 48 ปี (เกิด 16 เมษายน 2516 คนลพบุรี) เอาล่ะค่ะ ไปดูแนวคิดการเทรดของเสี่ยป๋องกันเลย

1.”ผมเป็นนักลงทุนระยะสั้นจะเน้นดูเส้นกราฟและเทคนิคเป็นหลัก ถ้ากราฟไม่สวย…ผมไม่เล่น…ต่อให้มีข่าวดีรออยู่ข้างหน้าก็ไม่เล่น การเล่นหุ้นแบบนี้เคยใช้เวลาตัดสินใจซื้อหุ้น 1 ตัว เพียงแค่ “ครึ่งนาที” เพราะเทคนิคไม่เคยหลอกใคร นอกเสียจากคุณหลอกตัวเอง”…(อ้างอิงกรุงเทพธุรกิจ BizWeek )

2.กราฟเป็นสิ่งที่บันทึกข้อมูลในอดีตทุกอย่างลงไป ทำให้เราเข้าใจว่าแบบนี้คือจะลง แบบนี้คือจะขึ้น การสร้างเงินจากหลักสิบล้านบาทขึ้นเป็นพันล้านบาท ไม่ยาก ผมเคยทำมาแล้ว แต่ปัจจุบันมีโรบอตเข้ามา ทำให้การลงทุนเปลี่ยนไป แต่สุดท้าย สิ่งที่โปรแกรมเข้าไปในโรบอต ก็คือ ตัวอย่างในอดีตทั้งหมด เหมือนเรานั่งดูกราฟ วิธีเดิมๆ ที่เคยใช้ในอดีต เพียงแต่จะทำให้ดูง่ายขึ้น” (อ้างอิง shinestocknews)

3.การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคให้แม่นยำ ต้องดูราคาหุ้นย้อนหลังหลายๆ ปี จะให้ความแม่นยำมากถึง 70% เว้นแต่ว่ามีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นแบบนั้นเส้นกราฟก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้” (อ้างอิงกรุงเทพธุรกิจออนไลน์)

4.ไม่มีเครื่องมือใดที่จะใช้ได้แม่นยำ 100 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งเมื่อเวลาผ่านไปก็ต้องมีการปรับสูตร หรือพลิกแพลงให้เข้ากับสถานการณ์และช่วงเวลานั้น ส่วนตัวผมยังใช้วิธีการเดิมๆ คือการดูกราฟ แต่อาจจะไม่เหมือนสมัย 20 ปีก่อน และมั่นใจว่ากราฟยังสามารถเตือนอะไรได้หลายๆ อย่าง และผมก็รอดขาดทุนจากกราฟมาหลายครั้งแล้ว (อ้างอิง shinestocknews)

5.การดู หรือใช้กราฟ ก็เหมือนการดูงานศิลปะ แต่ละคนจะมองไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับคนมอง และจินตนาการของแต่ละคน แต่ที่สุด คือ มันจะเป็นตัวบันทึกพฤติกรรมของหุ้น A,B,C ผมจึงใช้กราฟในแบบของผมเอง ซึ่งแต่ละคนก็จะใช้กราฟไม่เหมือนกัน ฉะนั้นต้องหาสูตรที่เข้ากับตัวตนของเราเอง การใช้กราฟต้องมีวินัย ถ้ากราฟเสียก็ต้องขายทันที ถ้าไม่ขายก็จะเสียหายหนัก(อ้างอิง shinestocknews)

6.สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมยืนหยัดมาได้นานถึง 30 ปีกับการลงทุนคือ ความระมัดระวัง ใครเตือนอะไรผมจะฟังหมด เพราะช่วง 8 ปีแรกที่ผมเล่นหุ้น ผมไม่เคยกลัวอะไร มองทุกอย่างด้านบวกไปหมด ซึ่งการที่ระมัดระวัง แต่ในสายตาคนอื่นอาจมองว่า “ขี้กลัว” เกินไป เวลาที่เกิดความเสียหายขึ้นมา มันจะทำให้เรารอด…(อ้างอิง shinestocknews)

7.สัญญาณเทคนิคมาต้องขายเป็นภาวะที่อยากจะเตือนอย่าประมาท จริงๆ สัญญาณขายมานานแล้ว แต่ทนอยู่ เพราะพยายามองโลกในแง่ดีและเข้าข้างตัวเองว่าจุดหนึ่งมันจะกลับไปได้ เพราะกราฟไม่เคยหลอกใคร ซึ่งปกติกราฟมันเสียต้องคิดไปในทางขายก่อนเป็นลำดับแรก…เสี่ยป๋องโพสต์เฟซบุ๊กหลังตัดขายขาดทุนหุ้น 1 ตัว จากพอร์ตไป มูลค่าทั้งหมด 13 ล้านบาท (อ้างอิง stockradars)

8.ผมเป็นนักลงทุนรุ่นเก่าที่มองการลงทุนทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และมีรีเทิร์นที่แน่นอนแต่อาจจะช้า ขณะที่นักลงทุนรุ่นใหม่จะไม่ชอบเพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่รีเทิร์นช้า แตกต่างจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิตคอยน์ที่รีเทิร์นรวดเร็วทันใจ (อ้างอิง bangkokbiznews)

9.แนวคิดการลงทุนหลังโควิด-19 ส่วนตัวยังคงใช้ วิธีการลงทุนแบบเดิมที่ต้องพิจารณาทั้งพื้นฐาน และเทคนิค ประกอบกัน นักลงทุนติดตามข้อมูล ข่าวสาร สถานการณ์ต่างๆ รวมถึงกระแสฟันด์ โฟลว์ เพราะปัจจัยเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น กราฟเทคนิคเป็นตัวกำหนดทิศทางว่าจะเข้าซื้อหรือขายออกหุ้นแต่ละตัวอย่างไร…(อ้างอิง ฐานเศรษฐกิจ)

10.กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส หรือธุรกิจที่ยังสามารถขายของได้ ได้แก่ กลุ่มถุงมือยาง และกลุ่มโรงพยาบาลบางตัว แต่ในทางกลับกันมองว่าหุ้นที่ถูกขายไปมากแล้วในช่วงโควิด-19 อย่างกลุ่มโรงแรม กลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มร้านอาหาร จะกลับมาน่าสนใจลงทุนอีกครั้งเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลง และเริ่มฉีดวัคซีนในประเทศอย่างเต็มขั้น…(อ้างอิง ฐานเศรษฐกิจ)

และเมื่อตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ในนาม “วัชระ แก้วสว่าง” กลับไม่ปรากฎ แต่มีคนในครอบครัว ถือหุ้นอยู่ 2 ตัวคะ

ประกอบด้วย NSL (บมจ.เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์) นางโสภิศ แก้วสว่าง (ภรรยา) ถือ 1,150,000 หุ้น หรือ 0.38% (ถือใหญ่อันดับ 5) และนายวรวิทย์ แก้วสว่าง (ลูกชาย) ถือ 1,150,000 หุ้น หรือ 0.38% (ถือใหญ่อันดับ 6)

อีกตัวคือ PROEN (บมจ.โปรเอ็น คอร์ป) ถือ 3,000,000 หุ้น หรือ 0.95% (ถือใหญ่อันดับ 8) แต่ตัวนี้เด็ดเพราะ เสี่ยยักษ์ วิชัย วชิรพงศ์ ถือ อันดับ 3 ถือ 3.40%

อย่างไรก็ตาม คำชี้แนะเป็น 1 ในแนวทาง ที่ควรนำไปขบคิด และต่อยอด พร้อมแสวงหาความรู้ให้รอบด้าน เพื่อพัฒนาการลงทุนของตัวเองนะคะ อิป้าเอาใจช่วยค้าาา วันนี้ไปละคะ บ๊ายยย

Facebook Comments
Skip to toolbar