มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า วันนี้จะไปซอกแซกหุ้นในกลุ่มดัชนี SET Well-being (SETWB) ที่เป็นดัชนีที่สะท้อนการเคลื่อนไหวของกลุ่มหลักทรัพย์ 30 หลักทรัพย์ใน 7 หมวดธุรกิจที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันและเป็นธุรกิจที่ผู้ลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ โดยใน 30 ตัว บวกมา 15 ตัว ตัวไหนบ้างตามไปดูกันเลยค่ะ
1.TFG (บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป) มาร์เกตแคป 27,140.65 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 4.20 บาท ราคา ณ 24 ม.ค.63 ปิดที่ 4.84 บาท เพิ่มขึ้น 0.64 บาท หรือ 15.23%
-TFG ทำธุรกิจหลักเกี่ยวกับการผลิตไก่และจำหน่ายไก่สด แช่เย็นและแช่แข็ง (มีหมูด้วย) เจ้าของคือเจ้าสัววินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ผู้ก่อตั้งบริษัทฯ ปัจจุบันถือหุ้นใหญ่ลำดับ 2 (20.18%) และมีบริษัท นิวสตาร์ วิคเตอร์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด (30.95%) ช่วงหลังได้อานิสงส์จากราคาหมูประเทศเพื่อนบ้านพุ่งจากโรคระบาด , จีนไฟเขียวโรงงานไก่ไทยส่งออกเพิ่มรับตรุษจีนรวมแล้ว 3 เด้ง ราคาเลยขยับ
2.CPF (บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร) มาร์เกตแคป 262,642.89 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 27.50 บาท ราคา ณ 24 ม.ค.63 ปิดที่ 30.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 10.90%
-CPF ธุรกิจหลักอาหารสัตว์ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 24.54% ช่วงนี้ได้แรงหนุนจากราคาเนื้อหมูปรับตัวขึ้นมาทั้งในไทยและเวียดนาม ซึ่งเริ่มเห็นตั้งแต่ในไตรมาส 4/62 และต่อเนื่องในปี 63 คาดว่าราคาจะปรับขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลจากโรค ASF ระบาด ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นหรือมาร์จิ้นปรับตัวดีขึ้น
3.CBG (บมจ.คาราบาวกรุ๊ป) มาร์เกตแคป 92,250.00 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 84.00 บาท ราคา ณ 24 ม.ค.63 ปิดที่ 92.25 บาท เพิ่มขึ้น 8.25 บาท หรือ 9.82%
-CBG มีบริษัท เสถียรธรรมโฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 25.01% ตัวนี้ดีดแล้วดีดอีก คาดไตรมาส 4/62 จะเปรี้ยงอีก จากอัตราใช้กำลังการผลิตโรงงานกระป๋องเพิ่มขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบลดลง พร้อมทั้งเดินหมากเด็ดรุกขยายตลาด CLMV หนุนรายได้ส่งออกปี 63 คาดเติบโต 10% จากปีนี้
4.MEGA (บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์) มาร์เกตแคป 24,630.31 ล้านบาท ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 26.00 บาท ราคา ณ 24 ม.ค.63 ปิดที่ 28.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 8.65%
-MEGA บริษัท ยูนิสเตรทช์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 49.81% ปีนี้รุกตลาดอินโดนีเซีย เมียนมา-แอฟริกา-เวียดนาม-มาเลเซีย พร้อมจับมือ MALEE เปิดตัวเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพหนุนรายได้ปีนี้โต 6-10%
5.TU (บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป) มาร์เกตแคป 69,668.51 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 13.50 บาท ราคา ณ 24 ม.ค.63 ปิดที่ 14.60 บาท เพิ่มขึ้น 1.10 บาท หรือ 8.14%
TU มีบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 11.60% ส่วนนาย ธีรพงศ์ จันศิริ ถือลำดับ 5 (4.16%) โดยตัวนี้สัมพันธ์กับค่าเงิน เพราะมีรายได้หลักมาจากการส่งออกคิดเป็น 75% ของรายได้รวม (ทุก ๆ 1 บาทที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับยูโรจะทำให้กำไรของ TU เพิ่มขึ้นประมาณ 100 ล้านบาท)
6.THG (บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์) มาร์เกตแคป 24,411.05 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 26.75 บาท ราคา ณ 24 ม.ค.63 ปิดที่ 28.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 7.47%
-THG มีตระกูลวนาสิน ถือหุ้นใหญ่ เวลามีเรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลมักจะได้อานิสงส์จากคนไข้ที่่เพิ่มมาขึ้นค่ะ
7.CHG (บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์) มาร์เกตแคป 29,920.00 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 2.58 บาท ราคา ณ 24 ม.ค.63 ปิดที่ 2.72 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท หรือ 5.42%
-CHG ตระกูลพลัสสินทร์ ถือหุ้นใหญ่ ตัวนี้ได้แรงบวก หลังประกันสังคมปรับเพิ่มค่าบริการการแพทย์สำหรับปี 2020 เพิ่มขึ้น และบางโบรคแนะรอบนี้ให้ถือต่อ รอกำไรไตรมาส 1/63 โดดเด่น
8.RS (บมจ.อาร์เอส) มาร์เกตแคป 12,545.19 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 12.30 บาท ราคา ณ 24 ม.ค.63 ปิดที่ 12.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 4.87%
-RS มีนายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ถือหุ้นใหญ่ 30.66% โดยบอสใหญ่ประกาศเดินหน้ากลยุทธ Multi-platform Commerce (MPC) ผนึกแพลตฟอร์มในมือมาต่อยอดสร้างรายได้ ทำให้ราคาน่าจะขยับได้เรื่อย ๆ
9.COM7 (บมจ.คอมเซเว่น) มาร์เกตแคป 33,300.00 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 26.50 บาท ราคา ณ 24 ม.ค.63 ปิดที่ 27.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 4.71%
-COM7 มีนายสุระ คณิตทวีกุล ถือหุ้นใหญ่ 29.39% ตัวนี้มองไกล ๆ มีแววเติบโตจากสินค้าใหม่ของ Apple และแผนการขยายสาขาเดิมและเปิดสาขาสำหรับกลุ่มสินค้าใหม่รองรับ 5G เช่น IOT , Gaming
10.BTS (บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์) มาร์เกตแคป 180,213.86 ล้านบาท ราคาสิ้นปี 62 ปิดที่ 13.20 บาท ราคา ณ 24 ม.ค. 63 ปิด 13.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 3.78%
-BTS มีนาย คีรี กาญจนพาสน์ ถือหุ้นใหญ่ 25.99% ตัวนี้เตรียมวิ่งหลังพรบ.งบประมาณผ่านฉลุย ปั๊ดโธ่! ดันมาสะดุดปมเสียบบัตร เลยวิ่งไม่มากนัก รองบผ่านน่าจะเห็นเนื้อเห็นหนังค่ะ
นอกจากนี้แล้ว ยังมีอีก 5 ตัว ที่ราคายังบวกอยู่ คือ TVO (บมจ.น้ำมันพืชไทย) 3.63% , CPALL (บมจ.ซีพี ออลล์) 2.07% , BEM (บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ) 1.83% , TKN (บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง) 0.95% และ M (บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์) 0.70%
อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มดัชนี SET Well-being (SETWB) ก็ยังมีความน่าสนใจ ซึ่ง 10 ตัวนี้ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดีนะคะ วันนี้ไปล่ะค่ะ บ๊ายย