มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า ผ่านพ้นไปอีก 1 ปี ต้องยอมรับเลยว่าปี 61 ที่ผ่านมา นักลงทุนส่วนใหญ่บ่นคล้ายๆ กันว่า เป็นปีที่โหดร้าย ผันผวน และจับจังหวะยากที่สุด แต่ผ่านไปแล้วคะ ปี 62 มาเริ่มกันใหม่ มาเริ่มเม้ามอย์เรื่อง หุ้นเด่น ไตรมาส 1/62 กันเลยคะ แต่ปีนี้จะไม่เหมือนกับไตรมาส 1 ของทุกปี เพราะมีปัจจัยเรื่องการเมืองเข้ามาเอี่ยวด้วยคะ
มาเริ่มกันตามตำราก่อนนะคะ ไตรมาส 1 ของทุกปีนั้น ตัวแปร และปัจจัยต่างๆ จะคล้ายๆ กับไตรมาส 4 ช่วงปลายปีต่อต้นปี จะยังเป็นฤดูแห่งการจับจ่ายใช้สอยของคนในประเทศ (สังเกตได้ภาครัฐกระตุ้นเต็มสูบ) แต่ไตรมาส 1 จะเหนือกว่าไตรมาส 4 ตรงที่ว่ามี “เงินงอก” ขึ้นมา คือ “โบนัส” ที่มนุษย์เงินเดือนล้วนฝันใฝ่ยิ่งนักคะ แถมถ้าได้โอกาสเอื้ออำนวยเป็นใจ มีเงินแล้ว ช้อปปิ้งแล้ว ยังเหลือ ก็ต้องเที่ยวซิคะจะรออะไร…อิอิ
อ้อ! และถ้าคล้อยมาถึงเดือนก.พ .จะเชื่อมโยงกับเทศกาลตรุษจีนอีกด้วย ฉะนั้นแล้วธุรกิจกลุ่มค้าปลีก (ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ร้านขายส่ง ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค) และกลุ่มที่สัมพันธ์กับการท่องเที่่ยว เช่น กลุ่มโรงแรม ที่พัก หรือการเดินทางต่างๆ น่าจะยิ้มแก้มปริกันไปที่กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยมาก
โดยกลุ่มค้าปลีก ตัวเด่นๆ ที่ดูทรงแล้ว ยังมีลุ้น น่าจะเป็น CPALL (บมจ.ซีพี ออลล์) ROBINS (บมจ.โรบินสัน ), HMPRO – (บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ ) MINT (บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล) ยังน่าสนใจ ส่วนกลุ่มท่องเที่ยว พี่บิ๊ก AOT (บมจ.ท่าอากาศยานไทย) ยังโดดเด่น ส่วนกลุ่มสายการบิน น่าจะต้องรอดูสถานการณ์ไปอีกสักระยะค่ะ
2 กลุ่มแรก (ค้าปลีก ท่องเที่ยว) นั้นว่าตามตำรา แต่ปีนี้มีเรื่องของการเร่งผลักดัน EEC และปี 62 ยิ่งโหมหนัก (เร่งอนุมัติก่อนเลือกตั้ง) ฉะนั้นแล้วกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม รับอานิสงส์แน่นวล ทั้ง WHA (บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น), AMATA (บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน) และ EASTW (บมจ. จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก)
และรวมไปถึงกลุ่มรับเหมาก่อสร้างด้วยทั้ง SEAFCO (บมจ.ซีฟโก้) กินยาวกับงานก่อสร้างงานเสาเข็มเจาะ งานฐานรากและงานโยธา ทั้งบิ๊กโปรเจคในกรุงและต่างจังหวัด CK (บมจ.ช. การช่าง) ชื่อชั้นผลงานยังแกร่ง
ส่วนSTEC (บมจ.ซิโน-ไทย) แผ่วลงไปบ้างแต่เชื่อคอนเนกชั่นยังแจ่มและที่เชื่อมโยงกัน เมื่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง งานเข้ามาก กลุ่มธนาคาร ในฐานะเจ้าหนี้ก็รับผลประโยชน์ไปด้วย ยิ่งต่อไปก้าวเข้าสู่ยุคดอกเบี้ยขาขึ้น โดยกลุ่มแบงก์ที่มีฐานลูกค้ารายใหญ่ เช่น 4 แบงค์หลัก ก็น่าจะเฮไปด้วยคะ
แต่เหมือนที่บอกคะ ไตรมาส 1 มีปัจจัยเรื่องการเมืองเอามาเอี่ยวด้วย คือในวันที่ 2 ม.ค. ประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ให้หาเสียงได้ วันที่ 4 ม.ค. กกต.ออกประกาศกำหนดวันเลือกตั้ง วันรับสมัคร ส.ส. จำนวน ส.ส.แต่ละจังหวัด เขตเลือกตั้ง สถานที่รับสมัครแบบบัญชีรายชื่อ และในระหว่างวันที่ 14-18 ม.ค. เปิดรับสมัคร ส.ส.และให้แจ้งชื่อผู้ที่พรรคจะเสนอเป็นนายกฯ วันที่ 25 ม.ค. ประกาศรายชื่อผู้สมัครแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อของทุกพรรค”
และในวันที่ 4-16 ก.พ. วันเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร และ15 ก.พ. หยุดการพิจารณากฎหมาย จากนั้น 17 ก.พ. วันเลือกตั้งล่วงหน้า และวันที่ 24 ก.พ. เป็นวันเลือกตั้งทั่วไป
ฉะนั้นแล้ว ถ้าเชื่อในคำกล่าวที่ว่า “ตลาดหุ้น ชอบความชัดเจน” เมื่อการเมืองเคลียคัตชัดเจนในช่วงนับจากนี้ จะส่งผลให้ปู่SET พอจะผงกหัวได้บ้างรวมไปถึงความเชื่อมั่นจากต่างชาติ จะหนักแน่นขึ้นค่ะ
และหุ้นที่เกี่ยวกับการเมือง การเลือกตั้ง ก็น่าจะได้อานิสงส์ไปด้วยคะ และตามตำราแล้วหุ้นที่น่าเฮ คือ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มแบงก์ ส่วนอีกกลุ่มที่เพิ่มเข้ามากลุ่มสื่อ โดยเฉพาะสื่อโฆษณา นอกบ้าน เช่น ขาใหญ่ประจำวงการ PLANB (บมจ.แพลน บี มีเดีย) และพี่เบิ้ม VGI (บมจ.วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย)
อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่น่าจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด คือกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เพราะอิงทั้งตามฤดูกาล ทั้งเชื่อมโยงกับโครงการภาครัฐ ทั้ง EEC ทั้งการเมือง เลือกตั้ง โดยหุุ้นที่ผู้ถือหุ้นใหญ่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพรรคการเมือง กลุ่มการเมือง (พรรคที่ได้เป็นรัฐบาลหน้านะคะ) น่าจะได้กำลังภายในวิ่งฉลุยเลยละคะ
แต่ทว่า แม้ปัจจัยภายในชัดเจนแต่ยังต้องระวังปัจจัยภายนอก (สงครามการค้า) ที่อาจจะบั่นทอนความได้เปรียบในสถานการณ์ของหุ้นเหล่านี้ได้ค่ะ ฉะนั้นต้องระมัดระวังในการลงทุน ไปละคะ บ๊ายย