1.PTT (บมจ.ปตท.) กระทรวงการคลัง ถือหุ้นใหญ่สุด 51.11%
-ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/64 มีกำไรสุทธิ 23,652.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.5% จากงวดเดียวกันปี 63 ที่มีกำไร 14,120.18 ล้านบาท ส่วน งวด 9 เดือน มีกำไร 80,819.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 228.27% เทียบช่วงเดียวกันปี 63 ที่มีกำไร 24,619.11 ล้านบาท ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 64 มี EBITDA จำนวน 326,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 172,627 ล้านบาท หรือมากกว่า 100% จากช่วง 9 เดือนแรกของปี 63
ด้านการเปลี่ยนแปลงราคา เทียบจากวันประกาศงบ 12 พ.ย.64 ปิด 37.50 บาท ล่าสุด 16 พ.ย.64 ปิด 37.75 บาท เพิ่ม 0.25 บาท หรือ -0.67%,ส่วน YTD -10.59% (5 พ.ย.64)
2.PTTEP (บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม) โดยมี ปตท. ถือเป็นอันดับ 1 สัดส่วน 63.79%
-Q3/64 มีกำไร 9,545.04 ล้านบาท โต 32.53% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หลังรายได้จากการขายปิโตรเลียมและราคาขายเพิ่มขึ้น ด้านงวด 9 เดือน มีกำไร 28,218 ลบ.โต 40% พร้อมคาดปีนี้ รักษาต้นทุนต่อหน่วยที่ 28-29 ดอลลาร์/บาร์เรล EBITDA Magin ที่ 70-75% (อ้างอิงสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย)
ด้านการเปลี่ยนแปลงราคา เทียบจากวันประกาศงบ 28 ต.ค.64 ปิด 118.50 บาท ล่าสุด 16 พ.ย.64 ปิด 118.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, ส่วน YTD+20.61% (15 พ.ย.64)
3.PTTGC (บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล) โดยมี ปตท.ถือเป็นอันดับ 1 สัดส่วน 45.18%
ผลประกอบการไตรมาส 3/64 มีกำไร 7,005.21 ล้านบาท หรือ 1.56 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 671% จากงวดเดียวกันปี 63 ที่มีกำไร 908.38 ล้านบาท หรือ 0.20 บาท/หุ้น ส่วนงวด 9 เดือน ปี 64 มีกำไร 41,734.81 ล้านบาท หรือ 9.30 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 772% จากงวดเดียวกันปี 63 ที่ขาดทุน 6,204.99 ล้านบาท หรือ -1.38 บาท/หุ้น
ด้านการเปลี่ยนแปลงราคา เทียบจากวันประกาศงบ 10 พ.ย. 64 ปิด 62.50 บาท ล่าสุด 16 พ.ย.64 ปิด 61.50 บาท ลด1.00 บาท หรือ -1.60%,ส่วน YTD +5.13% (15 พ.ย.64)
4.TOP (บมจ.ไทยออยล์) โดยมี ปตท. ถือเป็นอันดับ 1 สัดส่วน 45.03%
ผลงานไตรมาส 3/64 มีกำไรสุทธิ 2,063 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 188.5% หลังราคาขายเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ พ่วงกำไรสต็อกน้ำมัน ส่วน 9 เดือนปี 64 พลิกมีกำไรสุทธิ 7,545.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 10,558.83 ล้านบาท มีรายได้จากการขาย 231,530 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48,598 ล้านบาท สาเหตุหลักจากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับเพิ่มขึ้น
ด้านการเปลี่ยนแปลงราคา เทียบจากวันประกาศงบ 9 พ.ย.64 ปิด 55.00 บาท ล่าสุด 16 พ.ย.64 ปิด 54.25 บาท ลด 0.75 บาท หรือ -1.36%, ส่วน YTD +3.85% (ณ 15พ.ย.64)
5.OR (บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก) โดยมี ปตท. ถือเป็นอันดับ 1 สัดส่วน 75.00%
OR เผยงบรวมไตรมาส 3/64 กำไร 1.89 พันล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนกำไร 3.45 พันล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือน ปี 64 กำไรพุ่งไป 9.21 พันล้านบาท มากกว่า ช่วงเดียวกันปีก่อนกำไร 5.86 พันล้านบาท
ด้านการเปลี่ยนแปลงราคา เทียบจากวันประกาศงบ 9 พ.ย.64 ปิด 26.00 บาท ล่าสุด 16 พ.ย.64 ปิด 26.75 บาท เพิ่ม 1.75 บาท หรือ +6.73%,ส่วนYTD +48.61% (นับจาก IPO)
6.IRPC (บมจ.ไออาร์พีซี) โดยมี ปตท.ถือเป็นอันดับ 1 สัดส่วน 45.05%
ไตรมาส 3/64 โตเกือบ 40% แตะ 2.15 พันล้านบาท จากปีก่อน 1.55 พันล้านบาท ส่งผล 9 เดือนพลิกกำไร 1.2 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 7.7 พันล้านบาท
ด้านการเปลี่ยนแปลงราคา เทียบจากวันประกาศงบ 9 พ.ย. 64 ปิด 4.22 บาท ล่าสุด 16 พ.ย.64 ปิด 3.98 บาท ลด 0.24 บาท หรือ -5.69%, ส่วน YTD+7.53% (15 พ.ย.64)
7.GPSC (บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่) โดยมี ปตท. ถือเป็นอันดับ 1 สัดส่วน 42.53%
งบไตรมาส 3/64 กำไร 1,875 ล้านบาท ลดลง 19% จากปีก่อน และลดลง 27% จากไตรมาสก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้กำไรขึ้นต้นของโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ลดลง ประกอบกับโรงไฟฟ้าโกลว์ พลังงาน ระยะที่ 5 ได้หยุดเดินเครื่องนอกแผนงาน
ด้านการเปลี่ยนแปลงราคา เทียบจากวันประกาศงบ 5 พ.ย. 64 ปิด 78.50 บาท ล่าสุด 16 พ.ย.64 ปิด 75.25 บาท ลด 3.25 บาท หรือ -4.14%,ส่วน YTD +1.69% (15 พ.ย.64)
อย่างไรก็ตาม ถ้าดู YTD ด้านราคาของปี 64 แล้วมีเพียง PTTEP กับ OR ที่น่าจะสร้างรอยยิ้มได้ นอกนั้นยังติดลบกันอยู่ วันนี้ไปล่ะค่ะ บ๊ายย