มาแล้วค่ะ อิป้าหามาเล่า วันนี้ขอแว๊บไปเลียบ ๆ ซอยการเมืองหน่อยนะคะ เห็นช่วงนี้หุ้นสื่อฯ กำลังร้อนแรงซะเหลือเกิ๊น ดั๊นเลยจะพาไปรู้จักตัวตน โปรไฟล์เส้นทางธุรกิจของเจ้าพ่อสื่อคน (นามสกุล) ดัง อย่าง “ฉาย บุนนาค” ที่ต้องบอกว่าชีวิตมีสีสันมากมายทั้งตัวเอง และคนรอบข้างเลยล่ะคร้าา
ในวัยเพียง 37 ปี “ฉาย บุนนาค” เจ้าของหลากหลายฉายาทั้ง ราชาเทคโอเวอร์-สุดยอดเซียนหุ้นรุ่นใหม่-พ่อมดการเงิน-เจ้าพ่อสื่อคนใหม่ ฯลฯ ในอดีตเคยทำงานด้านวาณิชธนกิจอยู่พักหนึ่งก่อนก้าวสู่นักลงทุนขาใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์มาอย่างยาวนาน อยู่เบื้องหลังหุ้นดังหลายตัว และเมื่อปี 61 เขานั่งเก้าอี้ “ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทในกลุ่มสปริงนิวส์” และ “ประธาน บริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด”
และล่าสุดในปี 62 นี้ เขาเป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG (ได้รับแต่งตั้งเมื่อ 11 ม.ค.62) ซึ่งมี มารุต อรรถไกวัลวที เป็นประธานกรรมการ (มารุต ยังเป็นรองประธานกรรมการ VGI (บมจ. วีจีไอ) ของคีรี กาญจนพาสน์) และมีสมชาย มีเสน (ช้าง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย) เหยี่ยวข่าวรุ่นใหญ่ เป็นรองประธานกรรมการ
ยังไม่หมดคร้า “ฉาย” ยังดูแล “สื่อ”ในเครืออีก 4 แห่งคือ (1) บริษัท สปริงส์นิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2553 (2) บริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 55 (3) บริษัท ร่วมมือร่วมใจ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 6 มี.ค.52 แจ้งประกอบธุรกิจ ให้บริการข่าวสาร ผลิตข่าว และรายการวิทยุโทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ (4) บริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 1 ก.ย.59 ซึ่งทั้ง 4 บริษัทมีญาติของฉาย (ศุทธิชัย บุนนาค) เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น (ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์)
มาค่ะมา อิป้าจะพาไปล่วงลึงถึงโปรไฟล์ส่วนตัวกันค่ะ “ฉาย” เป็นบุตรชายคนเดียวของ “ยุทธ ชินสุภัคกุล” เจ้าของ บมจ.เอส.แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ (SPACK) และ บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) กับคุณแม่โฉมพิศ บุนนาค อดีตผู้บริหารใน บง.เอกธนกิจ (ฟินวัน) ซึ่งคุณแม่โฉมพิศนั้น เป็นบุตรสาวของ พ.ต.อ.ตรึก กับ ศาสตร์จารย์ฉวี บุนนาค และคุณแม่โฉมพิศ มีพี่สาวชื่อ อ้อพร บุนนาค ที่เป็นภรรยา ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน -กระทรวงพาณิชย์ และตอนนี้เป็นประธานคณะกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)
“ฉาย” จบปริญญาตรี ด้านไฟแนนซ์จากอังกฤษ TheLondon Schoolof Economics and Political Science(LSE) ปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิต บริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในช่วงนั้น “ฉาย” ถือหุ้นหลายตัว PAE (บมจ.พีเออี (ประเทศไทย)) , IHL (บมจ.อินเตอร์ไฮด์) , TOP – (บมจ.ไทยออยล์) , QH บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์) , NEP (บมจ.เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรม) ฯลฯ รวมทั้งลงทุนใน TFEX หรือตลาดอนุพันธ์อีกด้วย
และในปัจจุบัน จากการสืบค้นการถือหุ้นเกิน 0.5% ในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ปรากฎชื่อของ “ฉาย บุนนาค” แต่ อย่างใด ซึ่งสอดคล้องกับหลายครั้งที่ฉายเคยให้สัมภาษณ์ว่า จะพยายามลดการถือหุ้นลงนั่นเอง
ในสมัยหนุ่ม ๆ วัยคะนองที่เฉิดฉายในวงการหุ้น “ฉาย” มีกลุ่มเพื่อนสนิทที่เป็นคนดังหลายคน เช่น “เสี่ยโต้ง – กมล เอี้ยวศิวิกูล” ผู้ก่อตั้ง บมจ.ไมด้า แอสเซ็ท (ลือว่ามีแบ็กดีเป็นนายทหารใหญ่ที่มีอำนาจในรัฐบาลนี้ซะด้วย) , “ซัน – รัตนะ วงศ์นภาจันทร์” ลูกชายของเยาวเรศ ชินวัตร (น้องสาวทักษิณ ชินวัตร) , “อภิเทพ ธรรมเกษม” ลูกชายอดีตนายตำรวจใหญ่ พล.ต.ต.คำนึง ธรรมเกษม อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
ในอดีต “ฉาย” เคยเป็นผู้บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดีล จำกัด ควบตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ที่ทำธุรกิจป้ายโฆษณา (บิลบอร์ด) และยังเป็นบริษัทแม่ของ บริษัท อควา เทเลวิชั่น จำกัด ผลิตรายการโทรทัศน์และขายเวลาโฆษณาป้อนให้กับช่อง 5 “ฉาย” บอกว่า ตนเองพอมีคอนเน็คชั่นในวงการนี้อยู่บ้าง โดยเฉพาะวิลลี่ แมคอินทอช และเสนาหอย จึงชวนมาทำรายการด้วยกัน (อ้างอิงกรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์)
ส่วนบุคคลแรงบันดาลใจของ “ฉาย” คือ “ปิ่น จักกะพาก”…เมื่อก่อนคุณปิ่นเป็นเจ้านายคุณแม่ที่บริษัทเงินลงทุนหลักทรัพย์เอกธนกิจใครๆ ต่างเรียกเขาว่า “พ่อมดการเงิน” เพราะเขามีอาณาจักรการเงินที่ยิ่งใหญ่มาก ผมศึกษาว่าเขาใช้ชีวิตอย่างไร บริหารงานอย่างไร ในสายตาของผม เขาไม่ได้เล่นหุ้น แต่เป็นนักบริหารที่เก่งมาก เป็นผู้สร้าง Value ให้เกิดกับทุกบริษัทที่เขาทำ (อ้างอิง เวปไซด์ hiclasssociety)
ด้านคอนเน็คชั่น กับคนวงการสื่อ “ต้อย-สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” ผู้ก่อตั้ง สำนักข่าวไอเอ็นเอ็นและสำนักข่าวทีนิวส์ และเคยบริหารงานสื่ออีกหลายหัว “เสี่ยต้อย” มีคอนเน็คชั่นที่ดีกับคนหลายวงการ ทั้งนักวิชาการ ทหาร ตำรวจ นักการเมือง นักธุรกิจ ซึ่งเสี่ยต้อย เคยเขียนไว้ว่า “ลืมไม่ได้ก็คือ แรงสนับสนุนจาก ฉาย บุนนาค กัลยาณมิตรทั้งทางโลกและทางธรรม ที่เข้ามาโอบอุ้มให้กู้เงินโดยไม่คิดดอกเบี้ยในยามที่มีปัญหาสุดๆ จนทำให้เขาตั้งสัจจะวาจาว่า จะตอบแทนน้ำใจที่ “ฉาย บุนนาค” จุนเจือ “สำนักข่าวทีนิวส์” ให้สามารถผ่านพ้นภาวะวิกฤตมาได้
คอนเน็คชั่น วงการการเมือง
“ส่วนตัวไม่เคยคุยกับ นายเนวิน ชิดชอบ เลย แม้แต่คำเดียวในชีวิต ไม่เคยสนิทกับเสี่ยหนู (อนุทิน ชาญวีรกูล) แล้วผมจะสนิทกับคนของภูมิใจไทยได้อย่างไร คือ เป็นการใส่ร้ายผมตั้งแต่ในอดีตมา ผมไม่อยากพูด ถึง กับบอกว่า ผมเป็นทุนของคุณทักษิณ ทุนนั่นโน่นนี่ หรือบอกว่า แม่ผมสนิทกับน้องคุณทักษิณ มันไม่ใช่เรื่องจริง เขาไม่รู้จักกันเลย ผมมีเพื่อนทุก ๆ วงการ หลายสายงานอาชีพ เพราะฉะนั้นเรื่องการเมืองผมไม่สน ผมไม่มีความชื่นชมใครเป็นพิเศษ”(อ้างอิง สปริงนิวส์)
มาดูคอนเน็คชั่น ของภรรยาคนสวยของฉายกันบ้างนะคะ มาดามเดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เอาที่ทรัพย์สินก่อนเลย ฉายมีทรัพย์สิน 267,271,362 บาท มาดามเดียร์มีทรัพย์สิน 239,964,615 บาท บุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะ 4,098,446 บาท มีทรัพย์อื่นเป็นกระเป๋า 30 ใบ เช่น แอร์เมส 13 ใบ รุ่น Himalayan Birkin มูลค่า 3,100,000 บาท , รุ่น Kelly size 32 สี Rose lipstick มูลค่า 575,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีชาแนล 6 ใบ celine 2 ใบ ฯลฯ มีหนี้สิน 82,280,019 บาท บวกลบกลบหนี้แล้ว รวย 511,334,424 บาท (บัญชีทรัพย์สินแจ้งต่อปปช.)
เดิม มาดามเดียร์ และครอบครัว “วงษ์โอภาสี” ถือหุ้นอยู่หลายตัวเช่น AQUA (บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น) , NEWS (บมจ.นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น) , NMG (บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป) , MAX (บมจ.แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น) , NINE (บมจ.เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์) แต่ต่อมา “มาดามเดียร์” ขายหุ้นทั้งหมดก่อนจะเข้าสู่การเมือง
นอกจากนี้แล้ว “มาดามเดียร์” ยังสนิทสนมและให้ความเคารพกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. โดยได้เป็นคนชวนให้มาเป็นผู้จัดการทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี นั่นเองค่ะ
ฉาย จะล้างมือในวงการหุ้น??
“สุนันท์ ศรีจันทรา” กูรูด้านหุ้น เคยเขียนบทความชื่อว่า ชีวิตใหม่ “ฉาย บุนนาค” ในเวปไซด์เอเอสทีวีผู้จัดการ มีใจความที่น่าสนใจว่า “ฉาย” ประกาศจุดยืนของตัวเองว่า จะถอยห่างจากตลาดหุ้น จะเลิกเล่นหุ้น และพยายามขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ออก ซึ่ง “ฉาย” ให้เหตุผลว่า ถ้ายังเล่นหุ้น คงได้เปรียบนักลงทุนทั่วไป เพราะมีประสบการณ์การเล่นหุ้นนับสิบปี แต่คงจะถูกสังคมจับจ้องพฤติกรรม
เหตุผลสำคัญที่ทำให้ “ฉาย” อยากจะหยุดทุกอย่างในตลาดหุ้นคือ การคิดถึงอนาคตของลูก 2 คน และไม่อยากให้ลูก ๆ ต้องได้รับผลกระทบใด ๆ จากการดำเนินชีวิตของตัวเอง พร้อมยอมรับว่า อดีตเคยผิดพลาด และไม่สามารถแก้ไขพฤติกรรมในอดีตได้ แต่จะแก้ไขอนาคต โดยเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ ไม่เดินบนเส้นทางเดิมที่ผิดพลาด
และความตั้งใจอีกประการของ “ฉาย” คือ การจะรณรงค์ต่อต้านพฤติกรรมการปั่นหุ้น โดยใช้ประสบการณ์ในตลาดหุ้นนับสิบปี เพื่อเตือนให้นักลงทุนระมัดระวัง และไม่ตกเป็นเหยื่อของการปั่นหุ้น นั่นเอง!!
